นายอดิเรก ศรีประทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) เปิดเผยว่า จากการบริษัทเสนอผู้ถือหุ้นพิจารณาเข้าซื้อกิจการธุรกิจอาหารสัตว์ในประเทศจีนและธุรกิจเกษตรครครบวงจรในเวียดนาม คาดว่าหลังการเข้าซื้อกิจการดังกล่าวจะทำให้ยอดขายเติบโตทันที 50% เป็นประมาณ 3 แสนล้านบาท จากเดิมที่ตั้งเป้ารายได้ปี 55 จะเติบโตอย่างน้อย 10-15% จากปี 54 ที่คาดว่าจะมีรายได้ 2.1 แสนล้านบาท คาดสัดส่วนรายได้จากการลงทุนในต่างประเทศในปี 55 จะเพิ่มเป็น 30% จากปีนี้อยู่ที่ 26%
"ทั้งจีนและเวียดนามเป็นประเทศที่มีอัตราการเติบโตเศรษฐกิจสูง มีกำลังซื้อสูง และมีประชากรอยู่มากโดยจีนมี 1,300 ล้านคน เวียดนาม 88 ล้านคน ทำให้มีโอกาสจะทำธุรกิจ Feed Farm Food ได้อย่างโดดเด่น และจะสร้างยอดขายให้ CPF โตขึ้นทันทีทันใดจากปกติที่เติบโตปีละ 10-15%" นายอดิเรกกล่าว
อีกทั้ง สัดส่วนรายได้จากการลงทุนต่างประเทศจาก 12 ประเทศจะเพิ่มเป็น 51% จากเดิมมาจาการลงทุนใน 10 ประเทศ ขณะที่สัดส่วนรายได้ในประเทศจะปรับลดลงมาที่ 40% จาก 61% และ สัดส่วนรายได้จาการส่งออกลดเหลือ 9% จาก 13% ทั้งนี้จะช่วยกระจายความเสี่ยงให้กับบริษัท
ทั้งนี้คาดว่า ดีลเข้าซื้อกิจการดังล่าวจะเสร็จสมบูรณ์และเริ่มรับรู้รายได้ในเดือนมี.ค. 55
นายอดิเรก กล่าวว่า การเข้าซื้อหุ้น C.P. Pokphand Company Limited (CPP) บริษัทจะออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ CPF จำนวน 694 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 30 บาท และจะชำระเป็นเงินสดจำนวนประมาณ 4.55 หมื่นล้านบาท (หรือประมาณ 1,491 ล้านเหรียญสหรัฐ) โดยแหล่งเงินส่วนหนึ่งมาจากกระแสเงินสด และอีกส่วนมาจากเงินกู้ต่างประเทศ ซึ่งจะทำให้อัตราหนี้สินต่อทุน(D/E) เพิ่มเป็น 1.03 เท่า จากปัจจุบันอยู่ที่ 0.6 เท่า โดยดีลนี้มีอัตราผลตอบแทนปีละประมาณ 18% และหลังจบดีลนี้จะทำให้เครือเจริญโภคภัณฑ์ ถือหุ้นเพิ่มขึ้นใน CPF เป็น 49% จากปัจจุบันถือ 41%
ขณะที่ผู้ถือหุ้นเดิมจะไดลูทประมาณ 3% เนื่องจากการที่คณะกรรมการบริษัทเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 7,520 หุ้น เป็น 8,214 ล้านหุ้น และมีมติลดทุนจากหุ้นที่บริษัทซื้อคืนจำนวน 471 ล้านหุ้น ดังนั้นทุนจดทะเบียนชำระแล้วของบริษัทหลังเข้าทำรายการจะมีจำนวน 7,743 ล้านหุ้น หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 3% เท่านั้น
นายอดิเรก กล่าวว่า บริษัทจะมีการทบทวนแผนลงทุนธุรกิจในระยะยาว ที่ตั้งงบลงทุน 5 ปี จำนวน 4 หมื่นล้านบาท หรือปีละ 8 พันล้านบาท แต่เมื่อมีการเข้าซื้อกิจการดังกล่าวก็ต้องมาพิจารณาแผนธุรกิจกันใหม่ รวมถึงแผนธุรกิจกิจการในธุรกิจใหม่ที่เข้าซื้อทั้งในจีนและเวียดนาม ว่าจะมีการลงทุนใดเพิ่มเติม
"เวลานี้ CPF กำลังจะเป็นหนึ่งเดียวในภูมิภาคนี้ที่ให้ผลในการเชิงบริหาร การตลาด R&D ได้ผลหนักแน่นยิ่งขึ้น " นายอดิเรก กล่าว
ทั้งนี้ ในช่วงบ่ายวันนี้คณะกรรมการบริษัทได้มีมติเข้าซื้อหุ้นจำนวน 74.18% ของ C.P.Pokphand Co.Ltd (CCP) ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ภายใต้รหัสหลักทรัพย์เลขที่ 43 โดยธุรกิจหลัก แบ่งเป็น 2 กลุ่มธุรกิจในประเทศจีน และในประเทศเวียดนาม
ธุรกิจในประเทศจีน มีธุรกิจหลักคือธุรกิจอาหารสัตว์ภายใต้ชื่อ"เจียไต๋"ที่เป็นที่ยอมรับในจีนกว่า 30 ปี ส่วนธุรกิจในเวียดนาม ในชื่อบริษัท C.P.Vietnam Corporation(CPV) เป็นผู้นำเกษตรครบวงจรในเวียดนาม ซึ่ง CPP ถือหุ้นอยู่ 70.82%