(เพิ่มเติม) CK คาดรายได้ปี 55 ไม่ต่ำกว่า 1.5 หมื่นลบ.เติบโตจากปีนี้,มาร์จิ้นพุ่ง

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday November 28, 2011 13:53 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.ช.การช่าง (CK) คาดว่ารายได้ปี 55 จะเติบโตเป็นไม่ต่ำกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท จากที่มีรายได้ 1.2-1.3 ล้านบาทในปีนี้ ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้น(มาร์จิ้น)จะปรับตัวขึ้นไปสูงถึง 10% จากระดับ 2-3% ในปีนี้ เนื่องจากมีปริมาณงานใหม่ที่มีมาร์จิ้นสูงเข้ามามากขึ้น โดยขณะนี้บริษัทมีงานที่รอเซ็นสัญญาราว 9 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะทำให้งานในมือ(backlog)สูงเป็นประวัติการณ์

นอกจากนั้น บริษัทยังมีแผนนำ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ช่วงปลายปี 55 หรือรอจังหวะเหมาะสม โดยในช่วงต้นปี 55 มีแผนจะเพิ่มทุน"ซีเค พาวเวอร์"เป็น 9.2 พันล้านบาท ซึ่งส่วนหนึ่งจะเป็นการระดมทุนจากพันธมิตรด้วย หลังจากบริษัทได้ขายหุ้นส่วนหนึ่งในพันธมิตร

นายวรพจน์ อุชุไพบูลย์วงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ CK คาดว่า รายได้ในไตรมาส 4/54 จะลดลงจากเป้าหมายที่ตั้งไว้ 2 พันล้านบาทราว 10% เนื่องจากงานส่วนหนึ่งได้รับผลกระทบน้ำท่วม ได้แก่ การสร้างโรงไฟฟ้าในนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน โครงการของโรงงานยาสุบในนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ แต่เชื่อว่าในไตรมาสนี้จะมีกำไรซึ่งจะมีจำนวนไม่มาก

ทั้งนี้ในไตรมาส 2 และ ไตรมาส 3 ที่ผ่านมาบริษัทได้ขายเงินลงทุนในบริษัท เซาท์อีสท์ เอเชีย เอนเนอร์จี จำกัด(SEAN) และบริษัทได้กำไรจากการขายครั้งนี้ประมาณกว่า 3 พันล้านบาท ทำให้ภาพรวมบริษัทในปีนี้น่าจะมีกำไรราว 1 พันล้านบาท

ขณะที่บริษัทรอเซ็นสัญญางานโครงการไซยะบุรี มูลค่างาน 7.6 หมื่นล้านบาท และ โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียว แบริ่ง-สมุทรปราการ 1.4 หมื่นล้านบาท รวม 9 หมื่นล้านบาท จากที่มีงานในมือ (Backlog) อยู่ 3.08 หมื่นล้านบาท ณ สิ้นก.ย. 54 หากได้เซ็นสัญญาแล้วจะทำให้บริษัทมี Backlog สูงถึง 1.2 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่บริษัทก่อตั้งบริษัทมา 40 ปี

"โครงการฝายน้ำล้นไซยะบุรี คิดว่าเร็วๆนี้ จะเซ็นสัญญาได้ ไม่ลากไปถึงปลายปีหน้าแน่ ส่วนงานรถไฟฟ้าสายสีเขียว ตอนนี้ผ่าน ครม.แล้ว ก็คิดว่าเร็วๆนี้น่าจะเซ็นได้ ...ไซยะบุรีอยู่ขั้นตอนดำเนินการอยู่ คณะกรรมการลุ่มแม่น้ำโขงพิจารณาอยุ่ เรามีความเชื่อมั่นว่าเซ็นสัญญาได้ในไม่ช้า มั่นใจว่า ไซยะบุรีไม่มี worst case เราได้เตรียมงานก่อสร้างรอไว้แล้ว" นายวรพจน์ กล้าว

ทั้งนี้ หากได้เซ็นสัญญาโครงการไซยะบุรี คาดว่าในปีแรก จะรับรู้รายได้ ราว 8 พัน-1 หมื่นล้านบาท และ ปีถัดไปจะรับรู้รายได้ 1.5-2 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้โครงการไซยะบุรี มีระยะเวลาก่อสร้าง 7-8 ปี จะช่วยทำให้รายได้ของบริษัทเติบโต

ขณะเดียวกันบริษัทมีโอกาสได้รับงานใหม่เพิ่ม จากแผนงานก่อสร้างรถไฟฟ้า 10 สาย รวม 473.3 กม. ได้แก่ สายสีส้ม สีชมพู สีเหลือง ซึ่งบริษัทพร้อมเข้าร่วมประมูล อีกทั้งโอกาสได้งานจากบริษทในกลุ่มช.การช่างได้แก่ การจ้างงานจากบมจ.รถไฟ้กรุงเทพ (BMCL) ที่เป็นผู้ได้รับสัมปทานเดินรถไฟฟ้าสายสีม่วง จะมีการติดตั้งอาณัติสัญาณ ซึ่ง CK เตรียมรับงานอยู่, บมจ.ทางด่วนกรุงเทพ (BECL) ที่จะได้งานสัมปานทางด่วนใหม่ ศรีรัช-วงแหวนรอบนอก บมจ. น้ำประปาไทย (TTW) ที่คาดว่าจะขยายกำลังการผลิตจากปัจจุบันที่กำลังการผลิตเต็มแล้ว และ บริษท บางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น จำกัด จะมีการลงทุนโรงไฟฟ้า SPP เฟส 2

นอกจากนี้ CK คาดว่าจะได้งานใหม่ที่เกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำที่รัฐบาลและเอกชนจะดำเนินการ โดยขณะนี้ CK ได้งานสร้างคันคอนกรีต ในนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน มูลค่างาน 700 ล้านบาทแล้ว

สำหรับ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด นายวรพจน์ กล่าวว่า CK ยังคงถือหุ้นสัดส่น 38% จนกว่าจะถึงวันที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยบริษัทจะถือหุ้นใหญ่ ไม่ต่ำกว่า 30% รัฐบาลสปป.ลาว ถือ 20% ขณะที่ BECL และ TTW ที่ปัจจุบันถืออยู่ 30% ก็จะลดสัดส่วนเช่นกัน

ทั้งนี้จะมีการเพิ่มทุนจดทะเบียนในซีเค พาวเวอร์ เป็น 9.2 พันล้านบาท จาก 100 ล้านบาท ภายในไตรมาส 1/55 โดยบริษัทได้เตรียมเงินที่ได้จากการขายหุ้น SEAN มาลงทุนโดยบริษัทไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุน


แท็ก ช.การช่าง   (CK)  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ