สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้มีมูลค่าการซื้อขายรวม 31,262 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดของวัน คือ พันธบัตร ธปท. มีมูลค่าการซื้อขาย 27,432 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 88% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้
สำหรับประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายเป็นลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่า 1,927 ล้านบาท โดยพันธบัตรรัฐบาลรุ่นอายุคงเหลือประมาณ 2 ปี 4 ปี และ 7 ปี (LB133A LB155A และ LB183B) เป็นที่นิยมซื้อขายสูงสุด โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 1,075 ล้านบาท หรือคิดเป็น 56% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายรวม 839 ล้านบาท โดยหุ้นกู้ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก คือ หุ้นกู้ของบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (MINT17DA) หุ้นกู้ของธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) (KK12OA) และหุ้นกู้ของบริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) (BJC157A) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 333 ล้านบาท หรือคิดเป็น 40% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมด
นักลงทุนกลุ่มกองทุนมีสถานะซื้อสุทธิ 7,911 ล้านบาท กลุ่มนิติบุคคลในประเทศมีสถานะซื้อสุทธิ 1,204 ล้านบาท และกลุ่มของนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะขายสุทธิ 272 ล้านบาท
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Yield) ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย หรือเฉลี่ยแล้วปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 1 - 2 Basis Point ยกเว้นในตราสารที่มีอายุคงเหลือสั้นๆไม่เกิน 1 ปี อัตราผลตอบแทนปรับตัวลดลงประมาณ -1 Basis Point ภาพรวมตลาดตราสารหนี้ในวันนี้ค่อนข้างเงียบ ปัจจัยเรื่องปัญหาหนี้ยุโรปได้กลับมากดดันบรรยากาศการลงทุนอีกครั้ง โดยในวันนี้นักลงทุนต่างประเทศมียอดขายสุทธิต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อนหน้า
ทั้งนี้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุคงเหลือ 3 เดือน ปิดที่ 3.30% ปรับตัวลดลง 0.01% จากวันทำการก่อนหน้าและอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุคงเหลือ 5 ปี ปิดที่ 3.28% ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.01%