นายวิน วิริยะประไพกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.สหวิริยาสตีลอินดัสตรี (SSI) คาดว่า ในปี 54 บริษัทจะประสบผลขาดทุน เนื่องจากบริษัทมีค่าใช้จ่ายการลงทุนโรงเหล็กในประเทศอังกฤษที่ยังไม่ได้เดินเครื่องผลิตราว 5.2 พันล้านบาท แต่บริษัทถือว่าเป็นการลงทุน
พร้อมกันนั้นยอมรับว่ายอดขายปีนี้ลดลงเหลือประมาณ 4 หมื่นกว่าล้านบาทจากเป้าหมายที่ตั้งไว้ 5 หมื่นล้านบาท โดยในงวด 9 เดือนที่ผ่านมาบริษัทมียอดขาย 34,967 ล้านบาท
ในไตรมาส 4/54 คาดว่ายอดขายจะใกล้เคียงกับไตรมาส 2/54 ที่มียอดขายต่ำสุดที่ 3.3 แสนตันซึ่งรับผลกระทบจากภัยพิบัติในญี่ปุ่น จากไตรมาส 3/54 ที่มียอดขาย 4.1 แสนตัน ทั้งนี้ในภาวะปกติ SSI จะมียอดขายไตรมาสละ 5 แสนตัน และคาดว่าจะขาดทุนจากยอดขายที่ลดลงที่รับผลกระทบน้ำท่วมทำให้ความต้องการลดลง รวมกับค่าใช้จ่ายในโรงเหล็กที่อังกฤษ
นายวิน กล่าวว่า ในปี 55 จะเดินเครื่องการผลิตโรงเหล็กในอังกฤษได้ 3.3 แสนตัน เริ่มในวันที่ 6 ม.ค.55 โดยตั้งเป้าจะถึงจุดคุ้มทุนกลางปี 55 และประเมินว่ายอดขายในปี 55 น่าจะไปถึงประมาณ 6.8 หมื่นล้านบาทซึ่งทำได้สูงสุดเท่าที่ทำมา มาจากยอดขายแผ่นเหล็กรีดร้อน 5 หมื่นล้านบาท และเหล็กแท่งจากโรงผลิตเหล็กในอังกฤษ ราว 1.8 หมื่นล้านบาท
ประกอบกับ ความต้องการใช้เหล็กในประเทศจะฟื้นตัวในไตรมาส 1/55 เชื่อว่าจะมีความต้องการเหล็กแผ่นสูงขึ้นอย่างมาก จากเครื่องใช้ไฟฟ้า แอร์ ตู้เย็น ที่เสียหายในช่วงน้ำท่วม และงบรัฐที่จะเข้ามาฟื้นฟู
"มองว่าปีหน้าจะถึงจุดคุ้มทุนเมื่อไรขึ้นอยุ่กับว่าจะมีกำลังการผลิต 8-9 แสนตันได้กลางปี 55 ได้ไหม หรือ ไตรมาส 4 อุปกรณ์ PCI (Pulverized Coal Injection) เข้ามาแล้วจะทำให้ต้นทุน(เชื้อเพลิง)ถูกลง 30 เหรียญ/ตัน" นายวิน กล่าว
ทั้งนี้ เหล็กแท่งจากโรงเหล็กในอังกฤษ ภายใต้ บริษัท SSI UK มีกำลังการผลิต 3.3 แสนตัน และ 3.6 แสนตันในปี 56 โดยปริมาณ 2ใน 3 จะนำเข้าในไทยเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนและเหล็กแผ่นรีดเย็น และ 1 ใน 3 จะนำออกขาย โดยคาดว่าในไตรมาส 1/55 จะมีกำลังการผลิตเหล็กแผ่น 7 แสนตัน ในไตรมาส 2/55 ผลิตเพิ่มเป็น 8 แสนตัน และ ในไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ผลิตเป็น 9 แสนตัน
และตั้งเป้าระยะยาวจะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากสินค้าพรีเมี่ยม (premium value product) เพิ่มเป็น 70% จาก 41% ในสิ้นไตรมาส 3/54 มุ่งไปเน้นในอุตสาหกรรมยานยนต์ ขนส่ง และ พลังงาน