นายชายนิด โง้วศิริมณี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค (PF) เปิดเผยว่า บริษัทปรับลดเป้ายอดพรีเซลในไตรมาส Q4/54 เหลือ 3 พันล้านบาท ซึ่งลดลงจากเป้าหมายที่บริษัทวางไว้จากเดิม 4.5 พันล้านบาท จากผลกระทบภัยพิบัติจากน้ำท่วมที่มีต่อโครงการของบริษัทจำนวน 9 โครงการ มูลค่าราว 250 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงประมาณการยอดพรีเซลล์ปี 54 ที่ 1.1 หมื่นล้านบาท
"เรายังเห็นลูกค้าอยู่เพียงแต่ชะลอการตัดสินใจออกไปเท่านั้นอย่างน้อยคง 2-3 เดือน และมองว่าจากผลกระทบน้ำท่วมภาครัฐคงจะมีมาตรการที่จะช่วยเหลือช่วยผู้บริโภคทั้งลดภาษีและมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม"นายชายนิด กล่าว
สำหรับรายได้ในปีนี้คงจะลดลงเหลือใกล้เคียงกับปีก่อนที่มีรายได้ 8 พันล้านบาท จากเดิมที่ตั้งเป้าหมายว่าจะมีรายได้เติบโต 30% เนื่องจากผลกระทบน้ำท่วมส่งผลให้การรับรู้รายได้ในไตรมาส 4/54 ลดลง โดย 9 เดือนแรกของปีนี้บริษัทมีรายได้ 6 พันล้านบาทแล้ว แต่ในส่วนของพรีเซลล์ยังเชื่อว่าเป็นไปตามคาดการณ์ที่ 1.1 หมื่นล้านบาท ซึ่งปัจจุบันมียอดพรีเซล 9.5 พันล้านบาท และในเดือน ธ.ค.คาดว่ายอดขายจะอยู่ที่ 1.5 พันล้านบาท จากความต้องการของลูกค้าที่เข้ามาเยี่ยมชมโครงการอย่างต่อเนื่องหลังจากน้ำท่วม
อย่างไรก็ตาม ในแง่ของภาพรวมมองว่าจากผลวิกฤติน้ำท่วมอาจทำให้ลูกค้าบางรายชะลอการตัดสินใจเพื่อรอประเมินวิธีหรือแนวทางในการป้องกันน้ำท่วมของโครงการอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ซึ่งในส่วนของบริษัทได้ใช้งบ 70 ล้านบาทเพื่อวางแนวทางป้องกันน้ำท่วมไม่ว่าจะเป็นเครื่องปั๊มน้ำขนาดใหญ่ การถมที่ดินให้สูงขึ้น จึงเชื่อว่าจะทำให้ผู้บริโภคมั่นใจและตัดสินใจซื้อโครงการของบริษัท
แต่ในเบื้องต้นจากผลกระทบน้ำท่วมทำให้บริษัทจำเป็นต้องเลื่อนแผนการเปิดโครงการใหม่จำนวน 5 โครงการในไตรมาส 4/54 รวมมูลค่า 6 พันล้านบาทไปเป็นปีหน้า ซึ่งเป็นโครงการบ้านเดี่ยวจำนวน 3 โครงการ โครงการคอนโดมิเนียม 2 โครงการ โดยจะทำให้การเปิดโครงการใหม่ในปีหน้าเพิ่มเป็น 10 โครงการ
นายชายนิด กล่าวว่า บริษัทคงจะมีการประเมินเป้าหมายปี 55 โดยให้ความสำคัญในแง่ของจิตวิทยาของผู้บริโภคเรื่องของกำลังซื้อว่าจะมีมากน้อยแค่ไหน แต่ยอมรับว่าจากผลกระทบน้ำท่วมจะส่งผลให้ต้นทุนโดยรวมปรับขึ้น 5-10% และกระทบต่อราคาขาย 2-3% ซึ่งในส่วนของบริษัทยังคงไม่ปรับขึ้นราคาแม้ต้นทุนเพิ่ม เพื่อช่วยเหลือลูกค้า ขณะเดียวกันบริษัทได้มีการลดงบในการซื้อที่ดินในปีนี้และปีหน้าเหลือ 2.5 พันล้านบาทจากงบเดิม 3 พันล้านบาทต่อปี โดยวงเงินที่เหลือจะนำมาใช้ในการรองรับแนวทางในการป้องกันน้ำท่วม
"ผลจากน้ำท่วมทำให้เราเรียกประชุมและวางแผนเพื่อช่วยเหลือลูกบ้าน พร้อมทั้งวางงบไว้เพื่อสร้างความมั่นใจ เพราะเราไม่รู้ว่าอาจจะเกิดขึ้นอีกก็ได้ เท่าที่เห็นลูกค้ายังมีอยู่ ไม่ได้หายไป เพียงแค่ชะลอการตัดสินใจออกไปเท่านั้น เราไม่ห่วง เพราะเรามี backlog ที่จะรับรู้ฯในไตรมาส 4 ถึง 1 พันล้านบาทจากปัจจุบัน 4 พันล้านบาท อย่างมากปีนี้ก็โตใกล้เคียงปีก่อน ทำไม่ได้ตามที่บอก ซึ่งเข้าใจได้ แต่ผมว่าจากกำลังซื้อที่อาจจะชะลอ กลับจะทำให้ในปีหน้าความต้องการกลับมามากขึ้น ซึ่งน่าจะเห็นได้ในช่วงไตรมาส 2 ปีหน้า"นายชายนิด กล่าว
สำหรับการเข้าซื้อหุ้น บมจ.ไดโดมอน(DAIDO) ในสัดส่วน 80% นั้น นายชายนิด คาดว่า จะแล้วเสร็จและสามารถชำระเงินได้ภายในช่วงต้นปี 55 หลังจากนั้นจะปรับเปลี่ยนธุรกิจเดิมของไดโดมอนจากอาหารเป็นธุรกิจพัฒนาศูนย์การค้าในลักษณะคอมมูนิตี้มอลล์ โดยการเข้าซื้อครั้งนี้เป็นการเข้าซื้อสถานะของบริษัทเพื่อนำธุรกิจใหม่เข้าจดทะเบียนในตลาดทางอ้อม และคาดว่าจะสร้างรายได้ได้ในปี 55 ซึ่งเป็นรายได้ที่มาจากค่าเช่า
ทั้งนี้ บริษัทมองหาพันธมัตรจากต่างประเทศเข้ามาร่วมทุนพัฒนาคอมมูนิตี้มอลล์ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจา โดยคาดว่าในเร็ว ๆ นี้จะได้เห็นโครงร่างศูนย์การค้า 2-3 แห่ง โดยปัจจุบันมีที่ดินอยู่แล้วที่สาทรและรัชดา ซึ่งเมื่อพัฒนาได้ระดับหนึ่งอาจจะตั้งกองทุนอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายศูนย์การค้าดังกล่าวเข้าเป็นสินทรัพย์ของกองทุนฯ