สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้มีมูลค่าการซื้อขายรวม 56,796 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดของวัน คือ พันธบัตร ธปท. มีมูลค่าการซื้อขาย 50,066 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 88% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้
สำหรับประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายเป็นลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่า 5,519 ล้านบาท โดยพันธบัตรรัฐบาลรุ่นอายุคงเหลือประมาณ 2 ปี 4 ปี และ 10 ปี (LB133A LB15DA และ LB21DA) เป็นที่นิยมซื้อขายสูงสุด โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 2,929 ล้านบาท หรือคิดเป็น 53% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายรวม 1,211 ล้านบาท โดยหุ้นกู้ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก คือ หุ้นกู้บริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (SCC134A) หุ้นกู้ของบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (MINT17DA) และหุ้นกู้ของบริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) (HEMRAJ16OA) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 477 ล้านบาท หรือคิดเป็น 39% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมด
นักลงทุนกลุ่มกองทุนมีสถานะซื้อสุทธิ 26,175 ล้านบาท นักลงทุนกลุ่มสถาบันการเงินที่ไม่มีใบอนุญาตค้าตราสารหนี้ซื้อสุทธิ 1,575 ล้านบาท และกลุ่มของนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะขายสุทธิ 2,284 ล้านบาท
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Yield) ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในทุกช่วงอายุของตราสารหนี้ หรือเฉลี่ยแล้วปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 1 - 2 Basis Point โดยนักลงทุนยังรอผลการประกาศอัตราดอกเบี้นนโยบายในวันพรุ่งนี้ ส่วนปัจจัยเรื่องปัญหาหนี้ยุโรปเริ่มคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น หลังจากข่าวที่ประเทศฝรั่งเศสและเยอรมัน กำลังวางแผนทำข้อตกลงฉบับใหม่ว่าด้วยวินัยทางการคลังในกลุ่มสหภาพยุโรปให้สำเร็จโดยเร็ว จึงมีผลทำให้บรรยากาศการลงทุนในตลาดตราสารหนี้ปรับตัวดีขึ้น
ทั้งนี้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุคงเหลือ 3 เดือน ปิดคงที่ที่ 3.30% และอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุคงเหลือ 5 ปี ปิดคงที่ที่ 3.28%