ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์บวก 32.62 จุดรับความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐ

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday November 30, 2011 06:22 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (29 พ.ย.) ซึ่งเป็นการปิดบวกติดต่อกัน 2 วันทำการ หลังจากคอนเฟอเรนซ์ บอร์ดเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนพ.ย. นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่รัฐบาลอิตาลีสามารถระดมทุนด้วยการขายพันธบัตรได้มากเกือบเท่าเป้าหมายสูงสุดที่กำหนดไว้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 32.62 จุด หรือ 0.28% แตะที่ 11,555.63 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 2.64 จุด หรือ 0.22% แตะที่ 1,195.19 จุด ดัชนี Nasdaq ปิดลบ 11.83 จุด หรือ 0.47% แตะที่ 2,515.51 จุด

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นขานรับรายงานของคอนเฟอเรนซ์ บอร์ดที่ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐ พุ่งขึ้นสู่ระดับ 56 จุดในเดือนพ.ย. จากเดือนต.ค.ที่ระดับ 40.9 จุด มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ 44.0 ในเดือนพ.ย. เนื่องจากผู้บริโภคมีมุมมองที่ดีขึ้นต่อสภาวะเศรษฐกิจและการจ้างงานในปัจจุบัน ซึ่งทำให้ผู้บริโภคเริ่มจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ยอดค้าปลีกพุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์

นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากข่าวที่ว่า รัฐบาลอิตาลีสามารถระดมทุนจากการประมูลพันธบัตรชุดใหม่ครั้งที่ 3 เมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทยได้ทั้งสิ้น 7.5 พันล้านยูโร ซึ่งใกล้เคียงกับเป้าหมายสูงสุดที่วางไว้ที่ 8 พันล้านยูโร โดยพันธบัตรอายุ 3 ปีมียอดสั่งจองมากกว่าจำนวนพันธบัตรที่นำออกจำหน่ายถึง 1.5 เท่า

องค์กรเพื่อความร่วมมือและพัฒนาเศรษฐกิจ (OECD) ได้ออกมาขานรับผลการประมูลพันธบัตรในครั้งนี้ว่า ถือเป็นขั้นตอนหนึ่งในการลดยอดขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลอิตาลีภายใต้การนำของนายมาริโอ มอนติ และเป็นหนึ่งในมาตรการปฏิรูปโครงสร้างตามที่อิตาลีได้ให้สัญญาไว้กับสหภาพยุโรป (อียู)

อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างผันผวน ซึ่งส่งผลให้ดัชนี Nasdaq ปิดในแดนลบ สวนทางกับดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์และ S&P 500 เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังต่อรายงานของสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์ที่ระบุว่า ดัชนีราคาบ้านใน 20 เขตเมืองของสหรัฐ ร่วงลงอย่างเหนือความคาดหมาย 0.6% ในเดือนก.ย.

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานที่ว่า ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ได้ดูดซับสภาพคล่องออกจากระบบการเงินของยุโรปเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 1.942 แสนล้านยูโร แม้ยังต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ที่ 2.035 แสนล้านยูโรก็ตาม

หุ้นเอ็กซอน โมบิล ดีดตัวขึ้น 1.4% หลังจากราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ ขณะที่หุ้นยาฮู อิงค์ พุ่งขึ้น 2.3% หลังจากมีรายงานว่า บริษัทโธมัส เอช ลี พาร์ทเนอร์ กำลังพิจารณาเสนอซื้อหุ้นของยาฮู ส่วนหุ้นฮิวเล็ต-แพคการ์ด (HP) ปรับตัวขึ้น 1.4% หลังจากนักวิเคราะห์ของรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้น HP

อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มการเงินร่วงลง โดยหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ดิ่งลง 3.2% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดในบรรดาหุ้นกลุ่มธนาคารที่คำนวณในดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ขณะที่หุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ร่วงลง 2.1% และหุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ร่วงลง 3.6%

หุ้นเอเอ็มอาร์ คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของสายการบินอเมริกัน แอร์ไลน์ส ทรุดฮวบลง 84% หลังจากมีรายงานว่า เอเอ็มอาร์ คอร์ป ได้ยื่นขอพิทักษ์ทรัพย์สินจากการล้มละลายต่อศาลในเมืองแมนฮัทตัน ภายหลังจากที่บริษัทไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการลดต้นทุนแรงงานร่วมกับกลุ่มนักบินได้

ขณะที่หุ้นสายการบินคู่แข่งอย่าง ยูไนเต็ด แอร์ไลน์ พุ่งขึ้น 6.3% และหุ้นเดลตา แอร์ไลน์ส ดีดตัวขึ้น 5% ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าสายการบินรายใหญ่ทั้ง 2 แห่งนี้จะได้ประโยชน์จากการที่เอเอ็มอาร์ยื่นขอพิทักษ์ทรัพย์สินจากการล้มละลาย

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพุธ ADP Employer Services เปิดเผยตัวเลขการจ้างงานทั่วประเทศเดือนพ.ย., ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยตัวเลขที่ปรับทบทวนสำหรับประสิทธิภาพการผลิตและต้นทุนแรงงานต่อหน่วยประจำไตรมาส 3, สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติเปิดเผยยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนต.ค. และเฟดเปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจหรือ Beige Book

วันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยดัชนีภาคการผลิตเดือนพ.ย. ส่วนวันศุกร์ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ