บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย)ระบุในบทวิเคราะห์ฯว่า การออกบัตรเครดิตพลังงาน บมจ.ปตท.(PTT) จะเป็นผู้รับภาระในการชดเชยส่วนต่างของผู้ประกอบการรถสาธารณะ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรถแท็กซี่ จากตัวเลขยอดใช้ก๊าซ NGV 7,000 ต่อวัน ประมาณ 1,700 ตันต่อวันเป็นความต้องการใช้ในส่วนของรถแท็กซี่ ประเมินในเบื้องต้น PTT จะต้องรับภาระในส่วนนี้ประมาณ 1,000 ล้านบาทในปี 2555 และ เพิ่มขึ้นเป็น 1,250 ล้านบาท ในปี 2556
อย่างไรก็ตาม การปรับเพิ่มราคา NGV ในปี 2555 ในอัตรากิโลกรัมละ 0.50 บาท ต่อเดือน จะทำให้ PTT ได้ประโยชน์ก่อนภาษี 3,000 ล้านบาท ในปี 2555 และจะเพิ่มอย่างเต็มที่ 10,000 ล้านบาทในปี 2556 ดังนั้น หักภาระของกลุ่มรถแท๊กซี่ผลกระทบสุดท้ายยังคงเป็นบวกต่อ PTT โดยในปี 2555 จะได้ประโยชน์ประมาณ 2,000 ล้านบาท และ 8,800 ล้านบาทในปี 2556 จึงคาดว่าการทยอยปรับราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมสะท้อนราคาตลาดมากขึ้นจะส่งผลบวกต่อ PTT ในระยะยาว
ประเด็นที่ต้องติดตามในปีหน้า ได้แก่ การพิจารณาปรับเพิ่มราคาก๊าซหุงต้ม (LPG) สำหรับภาคครัวเรือน ซึ่ง กพช มีมติให้คงราคาไว้ในปี 2555 และจะมีการพิจารณาอีกครั้งถึงความเหมาะสมในการปรับราคาในปี 2556 เป็นต้นไป ซึ่งหากทำได้ PTT อาจได้ประโยชน์จากการปรับราคา LPG หน้าโรงแยก ที่ปัจจุบันถูกกำหนดอยู่ที่ 330 เหรียญต่อตัน เทียบกับราคาตลาดปัจจุบันที่ 700-800 เหรียญต่อตัน โดย LPG จากโรงกลั่นได้รับการปรับราคาเพิ่มขึ้นไปแล้วในเดือนม.ค. ที่ผ่านมา จึงแนะนำ "ซื้อ"หุ้น PTT ให้ราคาเป้าหมาย 360 บาท
หนังสือพิมพ์เช้านี้ระบุว่า รัฐบาลเปิดแล้ว! โครงการบัตรเครดิตพลังงาน NGV มอบ "ปตท.-ธ.กรุงไทย" ดำเนินการ นำร่องใช้กับแท็กซี่-รถตู้-สามล้อ 150 คัน เริ่ม 1 ธ.ค.นี้ ขณะที่ "พิชัย" แย้มวันนี้ชงกพช. ชะลอเก็บภาษีสรรพสามิตดีเซล หวั่นซ้ำเติมประชาชนเดือดร้อนจากน้ำท่วม