บมจ.ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ (SITHAI) ตั้งเป้าปี 55 ทำยอดขายได้เพิ่มขึ้นเป็น 7.1 พันล้านบาท จากปีนี้ที่คาดว่าจะทำได้ราว 6.55 พันล้านบาท โดยบริษัทได้ตั้งบลงทุนในปีหน้าประมาณ 1 พันล้านบาท เพื่อใช้ซื้อเครื่องจักรและแม่พิมพ์เพิ่ม รวมทั้งขยายการลงทุนในต่างประเทศ ขณะที่ปีนี้ใช้งบลงทุนต่ำกว่าเป้าหมาย
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ SITHAI กล่าวว่า ในเดือน ต.ค.-พ.ย.54 บริษัทได้รับผลกระทบน้ำท่วมที่กระทบรายได้ประมาณ 150 ล้านบาท ทำให้คาดว่าปีนี้มีรายได้อยู่ที่ 6.55 พันล้านบาท ลดลงจากเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 6.7 พันล้านบาท เนื่องจากไม่สามารถส่งมอบสินค้าชิ้นส่วนยานยนต์และชิ้นส่วนอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าให้ลูกค้าหลายรายที่อยู่ในนิคมอุตสาหกรรมที่ประสบน้ำท่วมได้
ส่วนปี 55 บริษัทยังมีรายได้จากบริษัทย่อยที่ถือหุ้น 100% จำนวน 2 แห่งรวม 560 ล้านบาท ทำให้รายได้รวมในปีหน้าเพิ่มเป็นราว 7.7 พันล้านบาท
สำหรับการลงทุนของบริษัทในปี 54 ได้ตั้งงบลงทุนจำนวน 1.45 พันล้านบาท แต่ใช้เงินลงทุนจริงเพียง 1 พันล้านบาท เนื่องจากชะลอการลงทุนในอินเดียและเวียดนาม ส่วนได้ตั้งบลงทุนไว้ 1 พันล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนเครื่องจักรและแม่พิมพ์ ใช้ผลิตในประเทศ จำนวน 700 ล้านบาท ส่วนอีก 300 ล้านบาทจัดสรรไว้เพื่อลงทุนในประเทศอินเดียและเวียดนาม
นายสนั่น กล่าวว่า ภายในเดือน ธ.ค.54 บริษัทคาดว่าจะทราบผลประมูลการผลิตขวด PET ของบริษัทผลิตเครื่องดื่มข้ามชาติ หากชนะการประมูลและได้รับว่าจ้างคาดว่าจะทำรายได้ปีละ 700 ล้านบาท เป็นเวลา 3 ปี โดยจะต้องใช้เงินลงทุนเครื่องจักรประมาณ 300 ล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนในปีหน้า 100 ล้านบาท และลงทุนครบทั้งหมดในปี 56
ส่วนการลงทุนในอินเดียนั้น นายสนั่น กล่าวว่า อยู่ระหว่างการรอทางการอินเดียลดภาษีนำเข้าผงเมลามีน เพราะปัจจุบันเสียภาษีนำเข้าอัตรา 28% เท่าภาษีนำเข้าผลิตภัณฑ์เมลามีน โดยก่อนหน้านี้บริษัทวางแผนจะตั้งโรงงานผลิตเมลามีนวงเงิน 250 ล้านบาท คาดว่าจะทำยอดขาย 400 ล้านบาท/ปี และจะตั้งสำนักงานขายในเมืองกัลกัตตาเพิ่มอีก 1 แห่ง จากปัจจุบันมี 3 แห่ง
นายสนั่น กล่าวอีกว่า บริษัทมีแผนการโอนย้ายสายการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์และอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าให้กลุ่มบริษัทย่อยในเครือ SITHAI เป็นผู้ผลิตแทน โดยปีหน้าจะเริ่มทยอยลดการผลิตเหลือมูลค่า 300-350 ล้านบาท จากปีนี้มีการผลิต 650 ล้านบาท และจะโอนย้ายการผลิตทั้งหมดภายในปี 56 เนื่องจากธุรกิจดังกล่าวใช้แรงงานมาก ขณะที่ในปี 55 สัดส่วนรายได้จากสินค้าบรรจุภัณฑ์และภาชนะจะเพิ่มเป็น 50% จากปัจจุบันอยู่ที่ 20%
"การผลิตชิ้นส่วนยานยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้าจะค่อยๆเลิกไปเพราะใช้แรงงานจำนวนมาก ต้นทุนจะเยอะ แต่นี่เป็นโอกาสของเราที่จะเปลี่ยนทิศทางธุรกิจมาเน้นทำธุรกิจสินค้าแพคเกจจิ้งเกี่ยวกับอาหารและเครื่องดื่มที่มีการเติบโตสูง สามารถใช้อุปกรณ์เป็นหุ่นยนต์แทนแรงงานได้"นายสนั่น กล่าว
และวันนี้ SITHAI และบริษัท Truyts Import จากประเทศเนเธอร์แลนด์ ได้ลงนามความร่วมมือการใช้ตราสินค้าร่วมกันในการผลิตสินค้าเมลามีนตรา Truyts Import by Superware โดยโรงงานของบริษัทจะเป็นผู้ส่งออกสินค้าภายใต้แบรนด์ออกขายทั่วโลก 110 ประเทศ ซึ่ง Truyts Import จะทำหน้าที่เป็นผู้กระจายสินค้าในยุโรป ด้วยการซื้อสินค้าราคาพิเศษจากบริษัท คาดว่าในปี 55 จะมียอดขายจากสินค้าดังกล่า 120 ล้านบาท เป็นรายได้จากยุโรป 30 ล้านบาท