นายวิชา พูลวรลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป (MAJOR) คาดว่า กำไรสุทธิของบริษัทในปี 54 น่าจะมากกว่าที่ทาง Broker Consensus ประเมินไว้ที่ 850 ล้านบาท หลัง 9 เดือนแรกของปีนี้บริษัทมีกำไรแล้ว 762 ล้านบาท อย่างไรก็ตามกำไรทั้งปีคงจะไม่ถึง 1 พันล้านบาท
ส่วนรายได้คาดว่าจะเติบโตประมาณ 15% ต่ำกว่าที่บริษัทเคยปรับเพิ่มเป้ารายได้เป็นเติบโต 20% เนื่องจากผลกระทบเหตุการณ์น้ำท่วม ทำให้ยอดขายตั๋วในช่วงเดือน พ.ย.54 ลดลงไปกว่า 20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังบริษัทต้องปิดให้บริการโรงภาพยนตร์กว่า 120 โรง แต่เชื่อว่ารายได้ในเดือน ธ.ค.54 จะฟื้นตัวขึ้นมาชดเชยรายได้ที่ลดลงไปได้ โดยขณะนี้เหลือเพียง 20 โรงที่ยังไม่สามารถเปิดให้บริการ ได้แก่ สาขาศาลายาและรังสิต
“ยอดขายตั๋วเดือนต.ค.ยังไม่ถูกกระทบจากน้ำท่วมและยังเติบโตถึง 30% แต่เดือน พ.ย.ลดลงไปกว่า 20% แต่เราเชื่อว่าเดือน ธ.ค.จะกลับมาช่วยชดเชย เพราะจะมีหนังใหญ่กระแสดีที่หลายเรื่องเลื่อนเข้าฉายมาอย่างเช่น ทไวไลท์, มิชชั่น อิมพอสซิเบิ้ล…น้ำท่วมมีผลต่อทั้ง top line และ bottom line ซึ่งที่ผ่านมาถ้าไม่มีน้ำท่วมหลายคนก็คาดว่ากำไรเราจะแตะ 1 พันล้าน แต่ตอนนี้คงไม่ถึง ส่วนรายได้ล่าสุดเราปรับเพิ่มเป็นโต 20% แต่ตอนนี้คงโตประมาณ 15% ตามเดิม"นายวิชา กล่าว
นายวิชา กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 55 เติบโตอีก 10-15% ซึ่งเป็นการคาดการณ์แบบอนุรักษ์นิยม โดยบริษัทเตรียมเปิดโรงภาพยนตร์ในประเทศอีก 45-50 โรง และโบว์ลิ่งอีก 40 เลน เช่นที่โครงการอิเกีย บางนา และซีคอนสแควร์ บางแค
ส่วนการลงทุนของบริษัทย่อยที่ประเทศอินเดียตั้งเป้าจะเปิดโรงภาพยนตร์เพิ่มอีก 200 โรง ภายในระยะเวลา 3 ปีต่อจากนี้ จากปัจจุบันมีอยู่ 160 โรง นอกจากนี้บริษัทคาดว่าภายในปีหน้านี้จะได้ข้อสรุปการเข้าไปลงทุนธุรกิจโรงภาพยนตร์และเลนโบว์ลิ่งในประเทศแถบเอเชียเพิ่มเติมด้วย