สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้มีมูลค่าการซื้อขายรวม 30,874 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดของวัน คือ พันธบัตร ธปท. มีมูลค่าการซื้อขาย 25,102 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 81% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้
สำหรับประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายเป็นลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่า 5,152 ล้านบาท โดยพันธบัตรรัฐบาลรุ่นอายุคงเหลือประมาณ 4 ปี 6 ปี และ 10 ปี (LB15DA LB176A และ LB21DA) เป็นที่นิยมซื้อขายสูงสุด โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 2,630 ล้านบาท หรือคิดเป็น 51% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายรวม 509 ล้านบาท โดยหุ้นกู้ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก คือ หุ้นกู้บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) (MBK137A) หุ้นกู้ของธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) (KK127A) และหุ้นกู้ของ บริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน) (AYCAL132A) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 249 ล้านบาท หรือคิดเป็น 49% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมด
นักลงทุนกลุ่มกองทุนมีสถานะซื้อสุทธิ 11,677 ล้าน กลุ่มนิติบุคคลในประเทศมีสถานะซื้อสุทธิ 625 ล้านบาท และกลุ่มของนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะซื้อสุทธิ 487 ล้านบาท
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Yield) ปรับตัวลดลงในทุกช่วงอายุของตราสาร หรือเฉลี่ยแล้วปรับตัวลดลงประมาณ -1 ถึง -6 Basis Point โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่มีอายุคงเหลือน้อยกว่า 1 ปีปรับตัวลดลงประมาณ -5 Basis Point เนื่องจากในวันนี้คณะกรรมการนโยบายการเงินได้ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% จาก 3.5% เป็น 3.25% เพื่อช่วยการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจหลังได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วม จึงมีผลทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นปรับตัวลดลงไปด้วย
ทั้งนี้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุคงเหลือ 3 เดือน ปิดที่ 3.25% ปรับตัวลดลง 0.05% และอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุคงเหลือ 5 ปี ปิดคงที่ที่ 3.26% ปรับตัวลดลง 0.02% จากวันก่อนหน้า