บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด กล่าวว่า อันดับเครดิตองค์กรและตราสารหนี้ของ บมจ. เจริญโภคภัณฑ์ (CPF) ยังไม่ได้รับผลกระทบในทันทีจากแผนการซื้อหุ้น 74.18% ใน C.P. Pokphand Co., Ltd. (CPP) ซึ่งเป็นผู้ผลิตอาหารสัตว์บกและสัตว์น้ำชั้นนำในประเทศจีนและเวียดนาม
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการซื้อธุรกิจดังกล่าวจะส่งผลให้งบดุลของบริษัทอ่อนแอลงในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม ฐานะการเงินและพื้นฐานธุรกิจของบริษัทนับว่าแข็งแกร่งเพียงพอที่จะรองรับการลงทุนดังกล่าวได้ อีกทั้งยังคาดว่าโครงสร้างเงินทุนของบริษัทจะปรับตัวดีขึ้นโดยลำดับหลังจากรับรู้กำไรจาก CPP อย่างสมบูรณ์แล้ว
ปัจจุบัน ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ให้แก่ CPF ที่ระดับ “AA-" ด้วยแนวโน้ม “Stable" หรือ “คงที่"
ทั้งนี้ CPF ได้ออกประกาศเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2554 ที่ผ่านมา โดยระบุว่าบริษัทมีแผนจะให้บริษัทย่อยที่ CPF ถือหุ้น 100% คือ CPF Investment Limited ซื้อหุ้น 74.18% ของ CPP ในราคาหุ้นละ 0.9 ดอลลาร์ฮ่องกงจากกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมของ CPP ได้แก่ Orient Success International Limited รวมทั้ง Worth Access Trading Limited และ CPI Holding Company Limited ซึ่งทั้งหมดเป็นบริษัทที่อยู่ในเครือเจริญโภคภัณฑ์ โดยรวมมูลค่าการลงทุนทั้งสิ้น 2,174 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เทียบเท่า 66,307 ล้านบาท)
แหล่งเงินทุนของบริษัทจะมาจากการแลกหุ้นในมูลค่า 30% ของการลงทุน ส่วนที่เหลือ 70% จะมาจากเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินและการออกหุ้นกู้ โดย CPF มีแผนจะเพิ่มทุน 694 ล้านหุ้นในราคาหุ้นละ 30 บาทเพื่อแลกหุ้นกับ CPP ภายหลังการลงทุนดังกล่าว ฐานรายได้และฐานการดำเนินงานของบริษัทจะครอบคลุม 12 ประเทศทั่วโลก
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า CPP เป็นผู้ผลิตอาหารสัตว์รายใหญ่ในประเทศจีนและเวียดนาม โดยบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง สำหรับในประเทศจีน บริษัทเป็นผู้ผลิตอาหารสัตว์รายใหญ่เป็นอันดับ 2 และเป็นที่รู้จักภายใต้เครื่องหมายการค้า “เจียไต๋" โดยมีโรงงานผลิตอาหารสัตว์จำนวน 78 แห่งใน 28 จังหวัดและเขตการปกครองทั่วประเทศจีน อีกทั้งยังมีเครือข่ายการขนส่งที่ครอบคลุมทั่วประเทศจากผู้จัดจำหน่ายอิสระ 24,000 ราย ธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมในประเทศเวียดนามอยู่ภายใต้ C.P. Vietnam Corporation (CPV) โดย CPV ประกอบธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมครบวงจรซึ่งครอบคลุมตั้งแต่อาหารสัตว์ พันธุ์สัตว์ ฟาร์มเลี้ยงสัตว์ อาหารปรุงสุก และอาหารสำเร็จรูปภายใต้เครื่องหมายการค้าของบริษัท บริษัทยังเป็นผู้นำในธุรกิจผลิตอาหารสัตว์และการทำฟาร์มเลี้ยงสัตว์เชิงพาณิชย์ด้วย ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2554 รายได้รวมของ CPP ทั้งในประเทศจีนและเวียดนามเท่ากับ 1,839 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเทียบเท่า 57% ของรายได้รวมของ CPF
สำหรับมุมมองทางด้านอันดับเครดิตนั้น การซื้อหุ้นดังกล่าวสอดคล้องกับนโยบายและเป้าหมายของ CPF ที่จะเป็นหนึ่งในผู้นำในธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมในระดับโลก โดยการลงทุนในครั้งนี้จะช่วยเพิ่มสัดส่วนรายได้ในต่างประเทศของบริษัทจากปัจจุบันที่ 26% ของรายได้รวมในปี 2553 เป็น 63% ภายในปี 2558 นอกจากนี้ยังจะช่วยกระจายฐานรายได้ของบริษัทและเพิ่มโอกาสในการเติบโตในประเทศจีนและเวียดนามอีกด้วย ภายหลังจากที่การลงทุนดังกล่าวแล้วเสร็จ สัดส่วนรายได้ของบริษัทจากธุรกิจในต่างประเทศจะเพิ่มขึ้นเป็น 50% ของรายได้รวม ในขณะที่รายได้จากธุรกิจในประเทศไทยจะมีสัดส่วน 40% และอีกประมาณ 10% จะมาจากรายได้จากการส่งออก