โบรกฯเห็นพ้อง"ซื้อ"BAY เริ่มเห็นพัฒนาการดีขึ้น-คาดกำไรปี 55โตต่อเนื่อง

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday December 1, 2011 10:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์เห็นพ้อง"ซื้อ"หุ้นธนาคากรุงศรีอยุธยา(BAY)แม้ปี 54 เติบโตน้อยกว่ากลุ่มแบงก์ เพราะอยู่ในช่วงปรับโครงสร้าง แต่จากผลประกอบการงวดไตรมาส 3/54 เริ่มเห็นพัฒนาการที่ดีขึ้นจากรายได้ค่าธรรมเนียม และในอนาคตน่าจะเติบโตดี อีกทั้งการมีฐานลูกค้ารายย่อยมากทำให้น่าจะได้รับผลประโยชน์จากความต้องการสินเชื่อภายหลังจากน้ำท่วมคลี่คลายแล้ว

ปัจจุบัน BAY ตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญสูงกว่าแบงก์อื่น แต่ปีหน้ามีแผนลดการตั้งสำรองฯลงมาที่ 1.4% ของพอร์ตสินเชื่อ จากปัจจุบัน 1.6% ซึ่งจะช่วยทำให้เกิดการเติบโตของกำไรด้วย โดยหลักแล้วการเติบโตของ BAY มาจากการพยายามลดค่าใช้จ่ายมากกว่า เพราะสินเชื่อยังเติบโตไม่มากนัก และได้แรงหนุนจาก GE ทำให้รายได้จากค่าธรรมเนียมเติบโตดีด้วย

พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปี 55 ในช่วง 13,100-13,900 ล้านบาท เติบโตจากปีนี้ที่คาดว่าจะมีกำไรสุทธิในช่วง 11,300-11,500 ล้านบาท เติบโตจากปีที่แล้วที่มีกำไรสุทธิ 8,794 ล้านบาท

          โบรกเกอร์         คำแนะนำ       ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น)
          Credit Suisse     ซื้อ             24.50
          Macquarie         ซื้อ             24.00
          บล.เอเชีย พลัส      ซื้อ             31.50
          บล.กสิกรไทย        ซื้อ             26.00
          บล.เคที ซีมิโก้       ซื้อ             24.50
          บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส  ซื้อ             23.00

นางสิริณัฏฐา เตชะศิริวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ในปีนี้ BAY จะมีการเติบโตน้อยกว่ากลุ่มแบงก์ เพราะอยู่ในช่วงของการปรับโครงสร้างอยู่ แต่สิ่งที่ดี คือ ผลประกอบการงวดไตรมาส 3/54 ที่ออกมาเริ่มที่จะเห็นพัฒนาการที่ดีขึ้นของ BAY จากรายได้ค่าธรรมเนียมที่ทำได้ดีขึ้น และในอนาคตก็น่าจะที่มีการเติบโตดี

นอกจากนี้ปัจจุบัน BAY มีการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญสูงกว่าแบงก์อื่น ซึ่งในปีหน้า(2555)BAY มีความตั้งใจจะลดการตั้งสำรองฯลงให้อยู่แค่ 1.4% ของพอร์ตสินเชื่อ จากปัจจุบันที่ตั้งสำรองอยู่ 1.6% ของพอร์ตสินเชื่อ ซึ่งการตั้งสำรองฯลดลงก็เป็นตัวช่วยทำให้เกิดการเติบโตของกำไรด้วย แต่โดยหลัก ๆ แล้วการเติบโตของ BAY มาจากการพยายามลดค่าใช้จ่ายมากกว่า เพราะสินเชื่อยังมีการเติบโตที่ไม่มากนัก และได้แรงหนุนจาก GE ทำให้รายได้จากค่าธรรมเนียมเติบโตดีด้วย

พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปีหน้า(2555)ไว้ที่ 13,900 ล้านบาท เติบโต 21% จากปีนี้(2554)ที่คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 11,500 ล้านบาท เติบโต 31% จากปีที่แล้ว(2553)ที่มีกำไรสุทธิ 8,794 ล้านบาท

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเชีย พลัส แนะนำ"ซื้อ"หุ้น BAY ด้วยราคาเป้าหมาย 31.50 บาท/หุ้น เนื่องจากมองว่า BAY มีการบริหารความเสี่ยงที่ดีในแง่ของสินเชื่อ และจากการที่ BAY มีฐานลูกค้ารายย่อยมากน่าจะได้รับผลประโยชน์จากความต้องการสินเชื่อภายหลังจากน้ำท่วมคลี่คลาย โดยปีหน้าคาดว่าการขยายตัวของสินเชื่อจะอยู่ที่ 10% เท่ากับที่คาดการณ์ของปีนี้

อย่างไรก็ดี คาดว่าการขยายตัวของสินเชื่อจะชะลอตัวในไตรมาส 4/54 อันเนื่องมาจากภาวะน้ำท่วมที่เกิดขึ้น พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปี 55 ไว้ที่ 13,100 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีนี้ที่คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 11,300 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ