นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้อำนวยการ บลจ.ไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการเสนอกองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น 3 กองทุน อายุ 3 เดือน 6 เดือน และ 1 ปี โดยมีนโยบายการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทย ผสมเงินฝาก และตราสารหนี้ใน-ต่างประเทศที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือโดย Fitch Rating มูลค่ารวม 22,600 ล้านบาท คาดให้ผลตอบแทน 3.20-3.70% ต่อปี พร้อมปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (Hedging) เรียบร้อยแล้ว โดยจะเปิดขายไปถึงวันที่ 6 ธันวาคม 2554 ด้วยมูลค่าเงินลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท
ทั้งนี้ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ตราสารหนี้ 3M27 อายุ 3 เดือน คาดผลตอบแทนประมาณ 3.20% ต่อปี มีนโยบายการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทย 55.50% เงินฝากธนาคาร Union National Bank (UNB) 24.50% มีอันดับความน่าเชื่อถือ F1 และเงินฝากธนาคาร First Gulf (UAE) 20% อันดับความน่าเชื่อถือ F1
ส่วนกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ตราสารหนี้ 6M44 อายุ 6 เดือน คาดผลตอบแทนประมาณ 3.30% ต่อปี มีนโยบายลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทย 55.50% เงินฝากธนาคาร Union National Bank (UNB) 24.50% อันดับความน่าเชื่อถือ F1 และเงินฝากธนาคาร First Gulf (UAE) 20% อันดับความน่าเชื่อถือ F1
และ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ตราสารหนี้ต่างประเทศ 1Y14 (SCB Foreign Fixed Income Fund 1Y14 ) อายุ 1 ปี คาดผลตอบแทนประมาณ 3.70% ต่อปี มีนโยบายลงทุนใน Euro Medium Term Note (EMTN) ที่ออกโดย 4 ธนาคาร ที่ได้รับการจัดอันดับโดย Fitch Rating คือ ธนาคาร Shinhan Bank สัดส่วน 24.75% อันดับความน่าเชื่อถือ F1 ธนาคาร Woori Bank สัดส่วน 24.75% อันดับความน่าเชื่อถือ F2 ธนาคาร Kookmin Bank สัดส่วน 2.50% อันดับความน่าเชื่อถือ F1 และ ธนาคาร Export-Import Bank of Korea สัดส่วน 2.50% อันดับความน่าเชื่อถือ F1 เงินฝากธนาคาร Union National Bank (UNB) 24.75% และ ธนาคาร First Gulf (UAE) 20% อันดับความน่าเชื่อถือ F1 เท่ากัน และส่วนที่เหลือลงทุนในเงินฝากธนาคารไทยพาณิชย์
นางโชติกา กล่าวว่า แม้ว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% หลังจากวิกฤติน้ำท่วมส่งผลกระทบอย่างหนักต่อเศรษฐกิจไทย และความเสี่ยงของเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวมีมากขึ้น แต่บริษัทยังคงยืนยันให้ผลตอบแทนในระดับสูงเมื่อเทียบกับอัตราดอกเบี้ยในประเทศ