ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (1 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะตึงตัวในตลาดแรงงานของสหรัฐ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในรอบสัปดาห์ที่แล้ว อย่างไรก็ตาม ดัชนีดาวโจนส์ขยับลงเพียงเล็กน้อย เนื่องจากภาวะการซื้อขายโดยรวมได้รับแรงหนุนจากข่าวสเปนที่ประสบความสำเร็จในการประมูลพันธบัตร และดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐที่พุ่งขึ้นแข็งแกร่งในเดือนพ.ย.
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวลง 25.65 จุด หรือ 0.21% ปิดที่ 12,020.03 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 2.38 จุด หรือ 0.19% ปิดที่ 1,244.58 จุด ดัชนี Nasdaq ดีดขึ้น 5.86 จุด หรือ 0.22% ปิดที่ 2,626.20 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างผันผวน โดยดัชนีดาวโจนส์และดัชนีหลักๆเคลื่อนตัวเข้าสู่แดนลบและแดนบวกสลับกันเกือบตลอดทั้งวัน หลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจ
ดัชนีดาวโจนส์อ่อนตัวลงหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 26 พ.ย.เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 402,000 ราย จากสัปดาห์ก่อนหน้านั้นที่ระดับ 396,000 ราย ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 1 เดือนที่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐพุ่งขึ้นมายืนเหนือระดับ 400,000 ราย และสะท้อนให้เห็นว่าตลาดแรงงานของสหรัฐยังคงอ่อนแอ
การเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์บางคนกล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีความเสี่ยงที่จะถดถอยในปีหน้า โดยเฉพาะหากสมาชิกสภานิติบัญญัติของสหรัฐปล่อยให้โครงการให้สวัสดิการแก่ผู้ว่างงานและการลดภาษีการจ้างงานหมดอายุลงในช่วงปลายปีนี้
อย่างไรก็ตาม ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงเพียงเล็กน้อย ขณะที่ดัชนี Nasdaq สามารถดีดตัวขึ้นในปิดในแดนบวกได้ เนื่องจากตลาดได้รับปัจจัยบวกจากรายงานที่ว่าสเปนสามารถประมูลขายพันธบัตรได้ 3.7 พันล้านยูโร (5.1 พันล้านดอลลาร์) เมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายสูงสุดที่ธนาคารกลางกำหนดไว้ ขณะที่ฝรั่งเศสสามารถประมูลขายพันธบัตรได้ 4.346 พันล้านยูโร ซึ่งใกล้เคียงกับเป้าหมายสูงสุดที่กำหนดไว้ที่ 4.5 พันล้านยูโร
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ความสำเร็จในการประมูลพันธบัตรของสเปนและฝรั่งเศสช่วยให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรของประเทศต่างๆทั่วยุโรปปรับตัวลดลง และการที่ทั้งสองประเทศสามารถระดมทุนด้วยการขายพันธบัตรได้ตามเป้านั้น แสดงให้เห็นว่านักลงทุนยังคงต้องการถือครองสินทรัพย์ของประเทศยูโรโซน ในขณะที่ผู้นำยุโรปพยายามหาทางควบคุมวิกฤหนี้ไม่ให้ลุกลาม
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้แรงหนุนจากรายงานของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตเดือนพ.ย.ขยายตัวขึ้นสู่ระดับ 52.7 จุด จากเดือนต.ค.ที่ระดับ 50.8 จุด และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาะดว่าจะอยู่ที่ 51.5 จุด โดยดัชนีภาคการผลิตเดือนพ.ย.ขยายตัวแข็งแกร่งสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.ปีนี้
หุ้นโบอิ้งพุ่งขึ้นกว่า 3.3% และเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยพยุงดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ไม่ให้ปรับตัวลงมากเกินไป ขณะที่หุ้นอัลโค อิงค์ ร่วงลง 2.1% หลังจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกอ่อนตัวลง
หุ้นยาฮูพุ่งขึ้น 3.3% หลังจากมีรายงานว่าบริษัทหลายแห่ง รวมถึงอาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิงส์ กำลังเตรียมเสนอซื้อกิจการยาฮู
ส่วนหุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงหลังจากมีรายงานว่า รัฐแมสซาชูเซทส์ได้ยื่นฟ้องดำเนินคดีกับธนาคารรายใหญ่หลายแห่งของสหรัฐ เนื่องจากการบิดเบือนข้อมูลและดำเนินการยึดบ้านหลุดจำนองอย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมาย โดยหุ้นเจพีมอร์แกน ร่วงลง 1.7% หุ้นซิตี้กรุ๊ป ดิ่งลง 1.8% และหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ร่วงลง 1.7%
นักลงทุนจับตาดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนพ.ย. ซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยในคืนวันศุกร์ตามเวลาไทย โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 122,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ 9.0% ในเดือนพ.ย.