นายสลิบ สูงสว่าง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไฮโดรเท็ค(HYDRO) เปิดเผยแผนธุรกิจหลังจากเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และนำหุ้นเข้าซื้อขายในวันที่ 15 ธ.ค.ว่า บริษัทจะให้ความสำคัญในการรับงานภาครัฐมากขึ้น ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนเป็น 80-90% ในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันที่มีสัดส่วน 40% เนื่องจากการเป็นบริษัทจดทะเบียนส่งผลให้มีความสามารถในการรับงานที่มีขนาดใหญ่มากขึ้น
พร้อมกันนั้น บริษัทก็จะเดินหน้าขยายธุรกิจในการออกไปรับงานต่างประเทศเพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจุบันได้มีการรเจรจาเบื้องต้นเพื่อเข้าไปรับงานบำบัดน้ำเสียในหลายประเทศแถบอินโดจีน คาดจะช่วยส่งผลดีต่อการสร้างรายได้ของบริษัทอย่างมีนัยในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า หรือช่วงปี 55-56
ส่วนผลประกอบการในปี 54 นี้เชื่อว่าจะเติบโต 100% จากปี 53 ทั้งในส่วนของรายได้และกำไร โดยในปีก่อนบริษัทมีรายได้รวม 280.53 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 18.84 ล้านบาท
ทั้งนี้ ช่วงครึ่งปีหลังบริษัทประมูลงานภาครัฐเพิ่ม โดยเฉพาะงานของการประปานครหลวง(กปน.) และกรุงเทพมหานคร(กทม.) รวมถึงกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ซึ่งมีการวางแผนเข้าประมูลงานต่อเนื่องในปี 55 ขณะนี้บริษัทมีฐานลูกค้าจากส่วนงานราชการหลายแห่งแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ฯลฯ รวมถึงฐานลูกค้าภาคเอกชนในอุตสาหกรรมต่างๆ อาทิ กลุ่ม บมจ.ปตท.(PTT) กลุ่ม บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย(SCC) เป็นต้น
ขณะที่ปี 55 รายได้น่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 30% จากการเข้าไปรับงานบำบัดน้ำเสีย ซึ่งเป็นธุรกิจทีมีอัตรากำไร(มาร์จิ้น)สูง
สำหรับการที่บริษัทจะเสนอขายหุ้นสามัญให้กับประชาชนครั้งแรก(IPO)จำนวน 30 ล้านหุ้น ในวันที่ 6-8 ธ.ค.เพื่อเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ(mai)นั้น เป็นการระดมทุนเพื่อใช้ขยายธุรกิจไปสู่การลงทุนในโครงการสัมปทานผลิตและจำหน่ายน้ำจืด ซึ่งจะใช้เงินลงทุนประมาณ 20 ล้านบาท, ซื้อเครื่องจักรเพื่อใช้ในงานก่อสร้าง 10 ล้านบาท และที่เหลือใช้เพิ่มเงินทุนหมุนเวียน
นายสลิบ กล่าวว่า บริษัทเชื่อว่านักลงทุนรายใหญ่จะสนใจจองซื้อหุ้น HYDRO เป็นไปตามการจัดสรรหุ้นของที่ปรึกษาทางการเงินที่จะจัดสรรให้ตามวอลลุ่มเทรด อีกทั้งจากการทำโรดโชว์ช่วงที่ผ่านมาได้รับการตอบรับที่ดี มีความต้องการหุ้นค่อนข้างมาก จากจำนวนหุ้นที่บริษัทกระจาย 30 ล้านหุ้น เนื่องจากผลประกอบการบริษัทก็มีแนวโน้มการเติบโตที่ดีและต่อเนื่อง
การกำหนดราคาเสนอขายหุ้นที่ 3.39 บาท หลังจากได้ออกไปโรดโชว์และพบลูกค้าของ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ในฐานะที่ปรึกษาฯ ยืนยันว่าราคา 3.39 บาทถูกกว่าเป้าหมายราคาเดิมที่เป็นการคำนวณบนพื้นฐานงานในมือ 732.44 ล้านบาท เพราะขณะนี้งานในมือสูงขึ้นไปถึง 1.3 พันล้านบาทแล้ว ไม่นับรวมงานที่จะได้รับจากการยื่นประมูลใหม่อีกประมาณ 1 พันล้านบาท ประกอบกับ สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่อุตสาหกรรมทำให้บริษัทได้รับงานจากลูกค้าในนิคมฯที่ถูกน้ำท่วม ในธุรกิจบริหารจัดการป้องกันน้ำ คาดว่าจะทำรายได้ในปีหน้าราว 500 ล้านบาท
"เราไม่กังวลภาวะตลาด ยังยืนยันที่จะเข้าเทรดในวันที่ 15 ธ.ค.54 เพราะจากแรงจูงใจหุ้นที่ถูกกว่าภาวะปกติ พร้อมกับปันผลที่เราให้ในงวดปีนี้ที่คาดว่าจะจ่ายปันผล 100% ของกำไรให้กับผู้ถือหุ้น IPO ตอนนี้ภาวะตลาดในช่วงที่ไม่ดี แต่หุ้นเราคนสนใจมากกว่าจำนวนหุ้นที่เสนอขายจากที่เราโรดโชว์ในช่วงที่ผ่านมา ทั้งในกลุ่มเก็งกำไรและถือในระยะยาว"นายสลิบ กล่าว