สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้มีมูลค่าการซื้อขายรวม 101,049 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดของวัน คือ พันธบัตร ธปท. มีมูลค่าการซื้อขาย 93,039 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 92% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้
สำหรับประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายเป็นลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่า 6,186 ล้านบาท โดยพันธบัตรรัฐบาลรุ่นอายุคงเหลือประมาณ 2 ปี 4 ปี และ 6 ปี (LB133A LB155A และ LB176A) เป็นที่นิยมซื้อขายสูงสุด โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 2,850 ล้านบาท หรือคิดเป็น 46% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายรวม 638 ล้านบาท โดยหุ้นกู้ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก คือ หุ้นกู้ของธนาคาร เกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) (KK129A) หุ้นกู้ของบริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) (BJC145A) และหุ้นกู้ของบริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน) (GLOW218A) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 338 ล้านบาท หรือคิดเป็น 53% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมด
นักลงทุนกลุ่มกองทุนมีสถานะซื้อสุทธิ 40,439 ล้าน กลุ่มนิติบุคคลในประเทศมีสถานะซื้อสุทธิ 6,714 ล้านบาท และกลุ่มของนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะขายสุทธิ 5,748 ล้านบาท
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Yield) เคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่มีอายุคงเหลือน้อยกว่า 1 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 2 Basis Point ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่มีอายุ 1 ปี ขึ้นไป ปรับตัวลดลงประมาณ -1 ถึง -6 Basis Point โดยภาพรวมของตลาดตราสารหนี้ไทยในวันนี้เทขายออกมาจากนักลงทุนต่างประเทศ เนื่องจากปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรปยังคงสร้างความกังวลให้แก่นักลงทุนแม้จะมีมาตรการให้ความช่วยเหลือจากธนาคารกลางทั้ง 6 ประเทศแล้วก็ตาม สำหรับรายงานภาวะเงินเฟ้อเดือนพฤศจิกายนของกระทรวงพาณิชย์อยู่ที่ร้อยละ 4.19 ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างสูงเนื่องมาจากปัญหาน้ำท่วม
ทั้งนี้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุคงเหลือ 3 เดือน ปิดที่ 3.26% ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.02% และอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุคงเหลือ 5 ปี ปิดที่ 3.18% ปรับตัวลดลง 0.03% จากวันก่อนหน้า