ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 25.65 จุด หลังแรงบวกอ่อนแรง

ข่าวหุ้น-การเงิน Saturday December 3, 2011 07:42 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเกือบไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อคืนนี้ (2 ธ.ค.) แม้กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานและอัตราว่างงานที่ดีเกินคาดก็ตาม เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหุ้นที่พุ่งสูงขึ้นในช่วงแรก ขณะนักลงทุนบางส่วนรอดูความเคลื่อนไหวจากทางฝั่งยุโรปที่จะมีการประชุมสำคัญๆในสัปดาห์หน้า

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวลงเล็กน้อย 0.61 จุด หรือ 0.01% ปิดที่ 12,019.42 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 0.30 จุด หรือ 0.02% ปิดที่ 1,244.28 จุด ดัชนี Nasdaq ขยับขึ้น 0.73 จุด หรือ 0.03% ปิดที่ 2,626.93 จุด

อย่างไรก็ดี แม้ทั้งสามดัชนีปิดขยับเพียงเล็กน้อยในวันศุกร์ แต่ตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนีพุ่งขึ้นกว่า 7% ซึ่งนับว่ามากที่สุดตั้งแต่เดือนมีนาคม 2552 หรือในรอบกว่าสองปี

ตลาดหุ้นสหรัฐเปิดบวกขึ้นแข็งแกร่งวานนี้ โดยดัชนีดาวโจนส์ดีดขึ้นถึง 126 จุดในช่วงแรกของการซื้อขาย ขานรับการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานที่สดใสและอัตราว่างงานที่ร่วงลงมากเกินคาด

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า อัตราว่างงานเดือนพ.ย.ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบกว่าสองปีครึ่งที่ 8.6% จากระดับ 9% ในเดือนต.ค. ขณะที่ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนพ.ย.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 120,000 ตำแหน่ง หลังจากที่เพิ่มขึ้น 100,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. ซึ่งข้อมูลล่าสุดนี้บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐกำลังค่อยๆปรับตัวขึ้นอย่างช้าๆ

ทั้งนี้ อัตราว่างงานเดือนพ.ย.ถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2552 ซึ่งเป็นช่วงที่วิกฤตการเงินทวีความรุนแรงสูงสุด และดีกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ 9% ขณะที่ตัวเลขจ้างงานเดือนที่แล้วสอดคล้องกับการคาดการณ์

นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายยังคึกคักเพราะมุมมองที่เป็นบวกของนักลงทุนว่า ผู้นำยุโรปจะสามารถบรรลุข้อตกลงเรื่องแนวทางการแก้ไขวิกฤตหนี้ภูมิภาคได้อย่างยั่งยืนและถาวร หลังจากที่วานนี้ นางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี เรียกร้องให้บรรดาประเทศสมาชิกยูโรโซนมีความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดกันมากขึ้น และย้ำถึงความจำเป็นที่จะต้องมีการบังคับใช้กฎระเบียบด้านงบประมาณที่เข้มงวดมากขึ้น เพื่อจัดการกับวิกฤตหนี้ในภูมิภาค

เธอกล่าวว่า ทั้ง 17 ประเทศที่ใช้เงินยูโร ต้องดำเนินการอย่างรวดเร็วเพื่อฟื้นความเชื่อมั่นของตลาด ด้วยการเปลี่ยนแปลงสนธิสัญญาสหภาพยุโรป (อียู) ให้สามารถควบคุมทางการเงินเข้มงวดขึ้น และเพื่อความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม แรงบวกอ่อนแรงลงในช่วงบ่าย เนื่องจากนักลงทุนจำนวนมากพากันขายทำกำไร ขณะที่นักวิเคราะห์บางรายกล่าวว่า ตลาดส่วนหนึ่งเชื่อว่าข้อมูลด้านแรงงานจะออกมาดีกว่าคาดอยู่แล้ว ดังนั้น อัตราว่างงานที่ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 32 เดือนจึงไม่สร้างความประหลาดใจให้มากนัก

นอกจากนี้ นักลงทุนได้เริ่มกลับมามีท่าทีระมัดระวังอีกครั้ง ก่อนที่จะมีการหารือที่สำคัญเกิดขึ้นในยุโรปสัปดาห์หน้า โดยในวันจันทร์ นางแมร์เคิล และประธานาธิบดี นิโกลาส์ ซาร์โกซี ของฝรั่งเศส จะพบปะหารือกันเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสนธิสัญญาอียู ก่อนที่จะมีการประชุมสุดยอดผู้นำยุโรปในวันที่ 8-9 ธันวาคม ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อคลี่คลายวิกฤตหนี้ยูโรโซน

วานนี้ หุ้นกลุ่มการเงินดีดขึ้นแข็งแกร่ง โดยเจพีมอร์แกน ทะยาน 6.1% มอร์แกน สแตนลีย์ พุ่ง 7% ซิตี้กรุ๊ป บวก 4.4% และโกลด์แมน แซคส์ เพิ่มขึ้น 3%

ขณะที่หุ้นเวสเทิร์น ดิจิตอล พุ่ง 7.5% หลังจากที่บริษัทผู้ผลิตฮาร์ดิสก์ไดรฟ์รายใหญ่ปรับเพิ่มคาดการณ์รายได้ ภายหลังยอดขายดีดตัวขึ้นจากที่ก่อนหน้านี้ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัยในประเทศไทย

อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มบริการสุขภาพร่วง ทีเน็ต เฮลท์แคร์ ร่วง 11% บอสตัน ไซเอนทิฟิค ลบ 6.8%

ส่วนหุ้นแคทเทอร์พิลลาร์ กลับมาปิดลบ 0.6% หลังจากที่ปรับตัวขึ้นถึง 1.2% ในช่วงแรก เชฟรอน คอร์ป ลบ 0.1% หลังจากบวก 1.3%

หุ้นรีเสิร์ช อิน โมชั่น หรืออาร์ไอเอ็ม ผู้ผลิตแบล็กเบอร์รี ร่วง 9.7% หลังจากที่บริษัทเผยว่าจะลดมูลค่าสินทรัพย์ในบัญชีอันเนื่องมาจากแท็บเล็ตคอมพิวเตอร์ เพลย์บุ๊ก ที่ได้รับการตอบรับน่าผิดหวัง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ