ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (2 ธ.ค.) หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่าอัตราว่างงานร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่าครึ่ง ซึ่งข้อมูลดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะตึงตัวในตลาดแรงงานสหรัฐ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนเชื่อมั่นว่าผู้นำยุโรปจะสามารถบรรลุข้อตกลงเรื่องแนวทางการแก้ไขวิกฤตหนี้ในภูมิภาคได้
ดัชนี Stoxx 600 ดีดขึ้น 0.9% ปิดที่ 240.73 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 3,164.95 จุด เพิ่มขึ้น 35.00 จุด ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 6,080.68 จุด เพิ่มขึ้น 44.80 จุด ดัชนีฟุตซี่ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,552.29 จุด เพิ่มขึ้น 62.95 จุด
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ย.พุ่งขึ้น 120,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. ใกล้เคียงกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 122,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราว่างงานลดลงแตะระดับ 8.6% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปีครึ่ง ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะทรงตัวอยู่ที่ระดับ 9% ในเดือนพ.ย.
นางอังเกลา แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ย้ำถึงความจำเป็นในการเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์การคลังในยูโรโซน ซึ่งรวมถึงการตรวจสอบงบประมาณ และปกป้องธนาคารกลางยุโรปจากแรงกดดันทางการเมือง ด้านประธานาธิบดีนิโกลาส์ ซาร์โกซี ของฝรั่งเศส ก็เรียกร้องให้ทุกประเทศมีวินัยการคลังมากขึ้น และต้องการให้มีมาตรการลงโทษต่อประเทศที่ฝ่าฝืนกฎ
หุ้นกลุ่มธนาคารของยุโรปพุ่งขึ้น โดยหุ้นคอมเมิร์ซแบงก์ ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่อันดับ 2 ของเยอรมนี ทะยานขึ้น 11% หลังจากนักวิเคราะห์คาดว่าคอมเมิร์ซแบงก์จะสามารถระดมทุนได้ตามเกณฑ์การดำรงกองทุนขั้นที่ 1 ขณะที่หุ้นเอชเอสบีซี โฮลดิงส์ พุ่งขึ้น 3% หุ้นบีเอ็นพี พาริบาส์ พุ่งขึ้น 9.4%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ดีดตัวขึ้นตามราคาทองแดง ดีบุก และราคาโลหะพื้นฐานประเภทอื่นๆในตลาดลอนดอน โดยหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน พุ่งขึ้น 4% หุ้นอันโตฟากัสตา เพิ่มขึ้น 2.5%
หุ้นเดมเลอร์ ดีดตัวขึ้น 1.7% หลังจาก-ออโต้ดาต้า คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยด้านอุตสาหกรรมรถยนต์ในสหรัฐเปิดเผยว่า เดมเลอร์มียอดจำหน่ายรถยนต์เพิ่มขึ้นกว่า 17% ในตลาดสหรัฐ