ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์บวก 78.41 จุดหลังเยอรมนี-ฝรั่งเศสตกลงคุมวิกฤตหนี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday December 6, 2011 06:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (5 ธ.ค.) หลังจากผู้นำเยอรมนีและฝรั่งเศสได้บรรลุข้อตกลงการควบคุมวินัยด้านการคลังที่เข้มงวดมากขึ้นของประเทศยูโรโซน ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนมีความหวังว่าผู้นำยุโรปจะสามารถหาทางควบคุมวิกฤตหนี้ยุโรปได้ อย่างไรก็ตาม แรงบวกในตลาดถูกสกัดลงหลังจากสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) ประกาศให้ "เครดิตพินิจ แนวโน้มเชิงลบ" แก่ 15 ประเทศในกลุ่มยูโรโซน รวมถึงเยอรมนี

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 78.41 จุด หรือ 0.65% ปิดที่ 12,097.83 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 12.80 จุด หรือ 1.03% แตะที่ 1,257.08 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 28.83 จุด หรือ 1.10% แตะที่ 2,655.76 จุด

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวขึ้นหลังจากประธานาธิบดีนิโคลาส์ ซาร์โคซีของฝรั่งเศส เปิดเผยว่าเยอรมนีและฝรั่งเศสได้บรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการควบคุมวินัยด้านการคลังที่มีความเข้มงวดมากขึ้นสำหรับประเทศยูโรโซน โดยผู้นำยุโรปจะลงมติในเรื่องดังกล่าวในในวันศุกร์นี้

นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนหลังจากนายมาริโอ มอนติ นายกรัฐมนตรีอิตาลี ประกาศมาตรการรัดเข็มขัดเร่งด่วน มูลค่า 3 หมื่นล้านยูโร หรือว่า 4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีเป้าหมายที่จะป้องกันการลุกลามของวิกฤตหนี้ยุโรป และปรับงบประมาณของประเทศให้อยู่ภาวะสมดุลภายในปี 2556

ในช่วงเช้านั้น ตลาดให้น้ำหนักกับความเคลื่อนไหวของผู้นำเยอรมนี ฝรั่งเศส และอิตาลี ซึ่งเป็น 3 ชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของยูโรโซน แต่ตลาดลดแรงบวกลงในช่วงบ่าย หลังจากเอสแอนด์พีประกาศให้ "เครดิตพินิจ แนวโน้มเชิงลบ" ต่อ 15 ประเทศกลุ่มยูโรโซน รวมถึง 6 ประเทศที่มีอันดับความน่าเชื่อถือ AAA (เยอรมนี, ฝรั่งเศส, เนเธอร์แลนด์, ออสเตรีย, ฟินแลนด์ และลักเซมเบิร์ก ) ซึ่งหมายความว่ามีโอกาสถึง 50% ที่ประเทศเหล่านี้จะถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือภายใน 90 วันข้างหน้า

เอสแอนด์พีระบุว่า การให้เครดิจพินิจในครั้งนี้เป็นเพราะความตึงเครียดในเชิงระบบของยูโรโซนได้ทวีความรุนแรงขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาและกำลังเพิ่มแรงกดดันให้กับสถานะด้านความน่าเชื่อถือของทุกประเทศในกลุ่มยูโรโซน

หุ้นกลุ่มการเงินแข็งแกร่ง โดยหุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค พุ่งขึ้น 3.7% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาหุ้นการเงินที่คำนวณในดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา พุ่งขึ้น 2.7% หุ้นซิตี้กรุ๊ปพุ่งขึ้น 5.9% และหุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ดีดตัวขึ้น 6.8%

หุ้นแจนเนทท์ โค ซึ่งเป็นบริษัทสื่อรายใหญ่ของสหรัฐ ทะยานขึ้น 10.2% หลังจากนักวิเคราะห์ของลาซาร์ด แคปิตอล มาร์เก็ตส์ ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นดังกล่าวขึ้นสู่ระดับ 'buy' จากระดับ 'neutra'

หุ้นซัคเซสแฟคเตอร์ส อิงค์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายซอฟแวร์ด้านการบริหารจัดการธุรกิจ พุ่งขึ้น 51%

สำนักงานจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการขยายตัวที่ระดับ 52 จุดในเดือนพ.ย. แต่น้อยกว่าเดือนต.ค.ที่ขยายตัว 52.9 จุด

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และกระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลสต็อกสินค้าภาคค้าส่งเดือนต.ค. ส่วนวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนต.ค. และรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคต้นเดือนธ.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ