นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.การบินไทย (THAI) ระบุว่า สถานการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ในปีนี้ส่งผลทำให้รายได้ของบริษัทในช่วงไตรมาส 4/54 (ต.ค.-ธ.ค.54) หายไปประมาณ 3 พันล้านบาท เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวลดลงไปมาก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวในเอเซียจาก จีน ฮ่องกง และสิงคโปร์ ลดลงไปถึง 40-50%
ทั้งนี้ อัตราส่วนบรรทุกผู้โดยสาร(Cabin Factor)ในเดือน พ.ย.54 ลดลงเหลือ 61% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ระดับ 72% และลดลงจากเดือน ต.ค.54 ที่อยู่ระดับ 65.8% แต่ขณะนี้ Cabin Factor เดือน ธ.ค.เริ่มฟื้นตัว โดยช่วง 5 วันแรกของเดือนอยู่ในระดับ 65% และทั้งเดือนนี้น่าจะอยู่ระดับใกล้ 70% ซึ่งต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ระดับ 75-76%
บริษัทยอมรับว่าผลประกอบการทั้งปี 54 มีโอกาสที่ออกมาเป็นผลขาดทุน เนื่องจากไตรมาส 4/54 ที่ปกติเป็นช่วงไฮซีซั่นที่ผู้โดยสารเข้ามามากที่สุดของปี แต่ปีนี้กลับลดลงมามากจากผลกระทบน้ำท่วม และยังไม่ชัดเจนว่าเดือน ม.ค.55 จะฟื้นตัวกลับมาดีได้ตามปกติหรือไม่
ประกอบกับ ราคาน้ำมันอากาศยานยังทรงตัวในระดับสูงอยู่ตั้งแต่ไตรมาส 2/54 ที่อยู่ 126 ดอลลาร์/บาร์เรล และผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวในทวีปยุโรป รวมทั้ง บริษัทยังมีค่าใช้จ่ายช่วยเหลือพนักงานที่ได้รับผลกระทบน้ำท่วมเป็นเงิน 1 พันล้านบาทในช่วงไตรมาส 4/54
"ลำบากมากที่จะมีกำไรในปีนี้ cabin factor ต่ำอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน...ช่วงน้ำท่วมผู้โดยสารลดลงไปเยอะมากจากหลายประเทศที่เตือนภัยโดยเฉพาะกรุ๊ปทัวร์"นายปิยสวัสดิ์ กล่าว
นายปิยสวัสดิ์ กล่าวอีกว่า จากผลกระทบน้ำท่วมทำให้แผนงานของบริษัทในการปรับปรุงที่นั่งผู้โดยสารภายในเครื่องบินในปีนี้อีก 3 ลำต้องเลื่อนไปเป็นไตรมาส 1/55 และปี 55 ยังมีเครื่องบินที่รอการปรับปรุงอีก 13 ลำ ซึ่งต้องเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จ
อย่างไรก็ตาม ปัญหาน้ำท่วมคงไม่มีผลกระทบต่อแผนการจัดหาเงินทุน ทั้งการออกหุ้นกู้และการกู้เงินจากสถาบันการเงิน เนื่องจากน้ำท่วมเป็นเพียงเหตุการณ์ระยะสั้นๆ เท่านั้น โดยในปี 55 บริษัทเตรียมจัดหาวงเงินกว่า 3 หมื่นล้านบาทเพื่อชำระค่าเครื่องบิน 7 ลำ แบ่งเป็นเครื่องบินแอร์บัส A380 จำนวน 3 ลำ และแอร์บัส A330 จำนวน 4 ลำ