นายสมเชาว์ ตันฑเทอดธรรม กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอ็น ซี เฮ้าส์ซิ่ง (NCH) เชื่อว่า ยอดรับรู้รายได้ของบริษัทในปี 54 จะอยู่ในระดับ 2 พันล้านบาท เกินกว่าเป้าหมาย 1.7 พันล้านบาทที่ตั้งไว้ โดยปัจจุบันบริษัทมีรายได้รวมแล้วกว่า 1.2 พันล้านบาท เนื่องจากบริษัทมีรายได้พิเศษจากการขายที่ดินที่หาดจอมเทียน จ.ชลบุรี และมียอดโอนในไตรมาส 4/54 เพิ่มขึ้นด้วย
ส่วนยอดขายมีแนวโน้มจะเกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 2.4 พันล้านบาทเช่นกัน เพราะปัจจุบันมียอดขายแล้ว 2.2 พันล้านบาท และยังมียอดขายจากเดือน พ.ย.54 จำนวน 97 ล้านบาท แม้จะอยู่ในช่วงสถานการณ์น้ำท่วมใหญ่ ทำให้มียอดขายต่ำกว่าปกติที่จะอยู่ 200-300 ล้านบาท/เดือน
นายสมเชาว์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์น้ำท่วมไม่ได้ส่งผลกระทบต่อยอดขายของบริษัทให้ลดลง โดยในไตรมาส 4/54 คาดว่ามียอดขายลดลง 40% จากเฉลี่ย 500-600 ล้านบาท/ไตรมาส แต่การที่บริษัทมีการขายที่ดินที่จอมเทียน ทำให้แนวโน้มรายได้ไตรมาส 4/54 จะดีกว่าไตรมาส 3/54 และถือเป็นช่วงที่ทำรายได้สูงสุดของปีนี้
"ผลกระทบน้ำท่วมไม่ได้มีผลกระทบโดยตรง แต่เป็นผลกระทบทางอ้อมที่ทำให้ไม่มียอดขายเข้ามาเลย หรือมีก็น้อย โชคดีที่เรามีการโอนการขายที่ดินที่จอมเทียนมาชดเชย และมีมูลค่าสูงทำให้เราไม่เจ็บตัว แต่ถือเป็นรายได้พิเศษ และหลังขายที่ดินจอมเทียน เราก็ได้ซื้อที่ดินที่พัทยาเพิ่มอีก 20 ไร่มาชดเชย"นายสมเชาว์ กล่าว
จากสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นได้ส่งผลกระทบ 1 โครงการของบริษัท จากทั้งหมด 8 โครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการ มูลค่ารวม 5.5 พันล้านบาท คือ โครงการธัญธานี คลอง 5 คาดสร้างความเสียหายประมาณ 10 ล้านบาท ซึ่งบริษัทได้วางแผนทำเขื่อนกั้นรอบโครงการ คาดใช้เงินลงทุน 100 ล้านบาท และจะมีการวางแผนรองรับสถานการณ์น้ำในโครงการอื่นๆของบริษัทด้วย เช่นการถมที่ดินให้สูงขึ้น และการทำเขื่อนป้องกัน
ขณะที่บริษัทต้องทบทวนแผนพัฒนาโครงการใหม่ในปี 55 เบื้องต้นคาดว่าจะลดการพัฒนาโครงการใหม่เหลือ 3-4 โครงการ มูลค่ารวม 2-3 พันล้านบาท จากเดิมมีแผนพัฒนา 5-6 โครงการ เป็นมูลค่ารวม 5-6 พันล้านบาท เนื่องจากกังวลภาวะเศรษฐกิจและสถานการณ์น้ำท่วมที่ทำให้ประชาชนชะลอการตัดสินใจ นอกจากนี้ บริษัทยังได้ศึกษาการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม คาดว่าจะมีข้อสรุปใน 2-3 เดือนข้างหน้าถือเป็นการพัฒนาคอนโดมิเนียมเองเป็นครั้งแรกของบริษัท จากปัจจุบันโครงการคอนโดมิเนียมของบริษัทที่ขอนแก่น และ จอมเทียน เป็นการซื้อกิจการมาปรับปรุงใหม่
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้บริษัทยังไม่มีนโยบายปรับขึ้นราคาบ้านในช่วงสั้น แต่แนวโน้มราคาวัสดุก่อสร้างจะเพิ่มขึ้นจากความต้องการของผู้บริโภคทั้งการก่อสร้างใหม่และการซ่อมแซม ทำให้วัสดุก่อสร้างเกิดภาวะขาดแคลน ดังนั้นในปี 55 อาจจะเห็นการปรับขึ้นราคาบ้านในบางโครงการ