สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้มีมูลค่าการซื้อขายรวม 79,362 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดของวัน คือ พันธบัตร ธปท. มีมูลค่าการซื้อขาย 71,930 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 91% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้
สำหรับประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายเป็นลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่า 5,992 ล้านบาท โดยพันธบัตรรัฐบาลรุ่นอายุคงเหลือประมาณ 2 ปี 6 ปี และ 10 ปี (LB133A LB176A และ LB21DA) เป็นที่นิยมซื้อขายสูงสุด โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 3,151 ล้านบาท หรือคิดเป็น 53% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายรวม 938 ล้านบาท โดยหุ้นกู้ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก คือ หุ้นกู้ของบริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) (MBK163A) หุ้นกู้ของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) (THAI14OA) และหุ้นกู้ของธนาคาร เกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) (KK129A) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 502 ล้านบาท หรือคิดเป็น 54% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมด
นักลงทุนกลุ่มกองทุนมีสถานะซื้อสุทธิ 24,179 ล้าน กลุ่มนิติบุคคลในประเทศมีสถานะซื้อสุทธิ 3,573 ล้านบาท และกลุ่มของนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะซื้อสุทธิ 179 ล้านบาท
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Yield) ปรับตัวลดลงทุกช่วงอายุของตราสาร หรือเฉลี่ยแล้วปรับตัวลดลงประมาณ -1 ถึง -6 Basis Point โดยปัจจัยหลักๆที่กระทบต่อตลาดตราสารหนี้ คือเรื่องของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และผลจากค่าเงินบาทที่แข็งขึ้น ทำให้มีอุปสงค์จากนักลงทุนต่างชาติเข้ามาค่อนข้างมาก นอกจากนี้ตลาดได้คาดการณ์ว่าที่ประชุมผู้นำ EU จะออกมาตรการที่มีความน่าเชื่อถือเพื่อจัดการกับวิกฤตหนี้ยุโรปในการประชุมในช่วงปลายสัปดาห์นี้ ซึ่งส่งผลให้บรรยากาศในการลงทุนในตราสารหนี้ปรับตัวดีขึ้น
ทั้งนี้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุคงเหลือ 3 เดือน ปิดที่ 3.22% ปรับตัวลดลง 0.04% และอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุคงเหลือ 5 ปี ปิดที่ 3.16% ปรับตัวลดลง 0.02% จากวันทำการก่อนหน้า