ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (6 ธ.ค.) หลังจากหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล ไทมส์รายงานว่า ที่ประชุมสุดยอดผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) จะหารือกันเกี่ยวกับการเพิ่มทุนทรัพย์ให้กับกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยลดแรงกดดันในตลาดหลังจากที่สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) เตือนว่าอาจจะลดอันดับความน่าเชื่อถือของเยอรมนี และอีก 5 ประเทศยูโรโซนที่มีอันดับความน่าเชื่อถือ AAA
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 52.30 จุด หรือ 0.43% แตะที่ 12,150.13 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 1.39 จุด หรือ 0.11% แตะที่ 1,258.47 จุด แต่ดัชนี Nasdaq ปิดลบ 6.20 จุด หรือ 0.23% แตะที่ 2,649.56 จุด
ในช่วงเช้านั้น ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันอย่างหนักหลังจากเอสแอนด์พีประกาศให้ "เครดิตพินิจ แนวโน้มเชิงลบ" ต่ออันดับความน่าเชื่อถือของ 15 ประเทศกลุ่มยูโรโซน รวมถึง 6 ประเทศที่มีอันดับความน่าเชื่อถือ AAA (เยอรมนี ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ ออสเตรีย ฟินแลนด์ และลักเซมเบิร์ก) และเตือนว่าผลการประชุมสุดยอดผู้นำอียูในวันที่ 9 ธ.ค.จะเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดว่า 15 ประเทศเหล่านี้จะถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือหรือไม่
การให้เครดิตพินิจแนวโน้มเชิงลบหมายความว่ามีโอกาสถึง 50% ที่ 15 ประเทศยูโรโซนจะถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือภายใน 90 วันข้างหน้า เนื่องจากความตึงเครียดในระบบการเงินของยูโรโซนมีความรุนแรงมากขึ้น อันเป็นผลมาจากภาวะตึงตัวด้านสินเชื่อ, ต้นทุนการรับประกันความเสี่ยงที่สูงขึ้น และหนี้สินของรัฐบาลและภาคครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงมาก
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นในช่วงบ่าย หลังจากหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล ไทมส์รายงานว่า ที่ประชุมสุดยอดผู้นำอียูจะหารือกันเกี่ยวกับการเพิ่มทุนทรัพย์ให้กับกองทุน EFSF ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนมีความหวังว่าผู้นำยุโรปจะเร่งหาแนวทางป้องกันการลุกลามของวิกฤตหนี้
ตลาดได้แรงหนุนมากขึ้นเมื่อรัฐบาลเยอรมนีไม่ได้แสดงความวิตกกังวลต่อความเคลื่อนไหวของเอสแอนด์พี โดยนายวูลฟ์กัง ชอยเบิล รมว.คลังเยอรมนี กล่าวว่า การที่เอสแอนด์พีประกาศให้เครดิตพินิจเชิงลบแก่ 15 ประเทศยูโรโซนนั้น ถือเป็นแรงกระตุ้นที่ดีที่สุดสำหรับผู้นำยุโรปที่จะบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับแผนการกู้วิกฤตหนี้ให้ได้ในการประชุมอียูวันศุกร์นี้
หุ้น 3M ดีดตัวขึ้น 1.5% หลังจากบริษัทคาดว่าผลประกอบการอาจจะเพิ่มขึ้น 6% ในปีหน้า ขณะที่หุ้นเจนเนอรัล อิเล็กทริก (จีอี) พุ่งขึ้น 2.4% หลังจากนักวิเคราะห์ของสแตนฟอร์ด แบร์สเติร์น ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นจีอี ขึ้นสู่ระดับ 'outperform' จากระดับ 'market perform'
หุ้นโทลล์ บราเธอร์ส ซึ่งเป็นบริษัทรับสร้างบ้านรายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 2.5% หลังจากบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการในไตรมาส 4 ปีนี้ ส่วนหุ้นเมโทรพีซีเอส คอมมูนิเคชันส์ ทะยานขึ้น 7.8% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งสุดในบรรดาหุ้นสื่อสารโทรคมนาคมที่คำนวณในดัชนี S&P 500
อย่างไรก็ตาม หุ้นอัลฟา เนเชอรัล รีซอสเซส ร่วงลง 1.1% จากข่าวที่ว่าทางบริษัทยอมจ่ายเงินกว่า 200 ล้านดอลลาร์เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกฟ้องจากอุบัติเหตุรุนแรงที่เหมืองในปี 2553 ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 29 คน
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และกระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลสต็อกสินค้าภาคค้าส่งเดือนต.ค. ส่วนวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนต.ค. และรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคต้นเดือนธ.ค.