สายการบินนกแอร์ ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บมจ.การบินไทย(THAI) มั่นใจว่าปี 54 ยังสามารถทำกำไรสุทธิได้ราว 200 ล้านบาท แม้ต่ำกว่าปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 634 ล้านบาท เนื่องจากต้นทุนราคาน้ำมันสูงขึ้นกว่า 20% ขณะที่ภาวะน้ำท่วมได้รับผลกระทบช่วงสั้นทำผู้โดยสารลดลง โดยไตรมาส 4/54 อัตราส่วนบรรทุกผู้โดยสาร(Cabin Factor)ลดเหลือ 80% จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 90%
อย่างไรก็ตาม นกแอร์คาดว่าจะสามารถกลับมาให้บริการที่ท่าอาศยานดอนเมืองได้ตั้งแต่สิ้นเดือน ม.ค.55 ซึ่งขณะนี้กำลังรอบมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) ยืนยันการใช้สถานที่ก่อน
"ผู้โดยสารน้อยลงเพราะเจอน้ำท่วม Cabin Factor เดือนพฤศจิกายนลดลงไปอยู่ที่ 70% จากปีที่แล้วเดือนเดียวกันทำได้ 90% แต่เดือนธันวาคม 6 วันแรกตัวเลขขึ้นมาที่ 72-73% คิดว่าไตรมาส 4 เฉลี่ยที่ 80% และทั้งปีได้ 85% ต่ำกว่าปีที่แล้ว แต่เรามีกำไร เพราะเดือนพฤศจิกายนไม่ดี และราคาน้ำมันขึ้นมาเกือบ 20%"นายพาที สารสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท สายการบินนกแอร์ กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
ส่วนแผนงานในปีหน้าจะทยอยรับมอบเครื่องบินใหม่ โบอิ้ง 737-800 จำนวน 12 ลำ โดยจะเริ่มรับมอบในสัปดาห์นี้จำนวน 3 ลำ และที่เหลือรับมอบในปีหน้า เชื่อว่าจะช่วยผลักดันรายได้ปี 55 เพิ่มขึ้น 20% เป็น 6 พันล้านบาท จาก 5 พันล้านบาทในปีนี้
ทั้งนี้ เครื่องบินโบอิ้ง 737-800 มี 189 ที่นั่ง ซึ่งมีจำนวนที่นั่งมากกว่าเครื่องบินที่ให้บริการอยู่คือ โบอิ้ง 737-400 มี 160 ที่นั่ง โดยเครื่องบินที่ใช้อยู่มีจำนวน 10 ลำ เป็นเครื่องเช่าจากการบินไทยจำนวน 3 ลำ โดยปีหน้าจะคืนการบินไทยบางส่วน และยังมีเครื่องบิน ATR จำนวน 2 ลำ
"รายได้ปีหน้าเราเพิ่มขึ้น 20% เพราะ capacity เพิ่มขึ้น และเครื่องบินใหม่ลดการใช้น้ำมัน 20% ช่วยลดค่าซ่อมบำรุง"นายพาที กล่าว
นายพาที กล่าวว่า การที่การบินไทยเข้ามาถือหุ้นเพิ่มในสายการบินนกแอร์ เป็น 49% จาก 39% ไม่ได้มีผลต่อการบริหารงานแต่อย่างใด เพราะสายการบินนกแอร์มุ่งเน้นบินในเส้นทางในประเทศ ปีหน้าเตรียมเปิดเส้นทางบินใหม่อีก ได้แก่ เชียงราย กระบี่ เป็นต้น จากปัจจุบันที่บิน 23 เส้นทางในประเทศ
นอกจากนี้ บริษัทไม่มีแผนเปิดเส้นทางต่างประเทศเพื่อไม่ให้เกิดการทำตลาดทับซ้อนกับสายการบินไทยสมายของ THAI ที่จะเปิดให้บริการปีหน้า