สกุลเงินยูโรขยับขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (7 ธ.ค.) จากการที่นักลงทุนคาดหวังว่า ที่ประชุมสุดยอดผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) ซึ่งจะมีขึ้นในวันศุกร์นี้ จะสามารถหาแนวทางการแก้ไขและป้องกันการลุกลามของวิกฤตหนี้ นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ซึ่งจะมีขึ้นในช่วงเย็นวันพฤหัสบดี หลังจากมีการคาดการณ์ว่า อีซีบีจะประกาศลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้
ค่าเงินยูโรขยับขึ้น 0.04% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3407 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันอังคารที่ 1.3401 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ค่าเงินปอนด์พุ่งขึ้น 0.72% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.5706 ปอนด์ จากระดับ 1.5593 ปอนด์
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลง 0.08% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 77.650 เยน จากระดับ 77.710 เยน และอ่อนตัวลง 0.27% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9236 ฟรังค์ จากระดับ 0.9261 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.50% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0286 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0235 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ขยับลง 0.08% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7786 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7792 ดอลลาร์สหรัฐ
สกุลเงินยูโรขยับขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากนักลงทุนคาดหวังว่าที่ประชุมอียูจะสามารถหาทางป้องกันและควบคุมปัญหาหนี้สาธารณะได้ โดยที่ประชุมจะหารือกันเกี่ยวกับการเพิ่มทุนทรัพย์ให้กับกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) และการให้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหามากยิ่งขึ้น
นักลงทุนจับตาดูว่าหากที่ประชุมประกาศกฎเกณฑ์ใหม่ในการประสานนโยบายการคลังของยูโรโซนเข้าด้วยกันแล้ว กฎเกณฑ์ดังกล่าวจะนำไปสู่การแก้ไขสนธิสัญญาซึ่งต้องใช้เวลานานหรือไม่ เพราะการแก้ไขสนธิสัญญาจำเป็นต้องได้รับการอนุมัติจากประเทศสมาชิกอียูทั้ง 27 ประเทศ
อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายในตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเป็นไปอย่างผันผวน หลังจากมีรายงานว่า เยอรมนีปฏิเสธข้อเสนอที่จะให้มีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการใช้กองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป โดยย้ำว่ากองทุน EFSF จะถูกทดแทนด้วยกองทุนถาวรที่มีชื่อว่ากลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป (ESM) ตามระยะเวลาที่ได้มีการกำหนดไว้ในปี 2556 และจะไม่มีการใช้กองทุนทั้งสองพร้อมกันเด็ดขาด
นักลงทุนจับตาดูการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ในช่วงเย็นวันนี้ตามเวลาไทย ซึ่งจะเป็นการประชุมครั้งสุดท้ายสำหรับปีนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าอีซีบีจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงสู่ระดับ 1.0% และอาจจะประกาศอัดฉีดสภาพคล่องรอบใหม่เพื่อช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเงินทุนในภาคธนาคาร
ทางการสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ข้อมูลสต็อกสินค้าภาคค้าส่งเดือนต.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคต้นเดือนธ.ค.