บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย(SCC)คาดว่ายอดขายรวมทั้งเครือในปี 55 จะเติบโตขึ้นไปสู่ระดับ 4 แสนล้านบาท จากในปีนี้น่าจะทำยอดขายได้ราว 3.6 แสนล้านบาท โดยเชื่อว่ายอดขายจะเริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ต้นปีตามความต้องการปูนซิเมนต์และวัสดุก่อสร้าง หลังจากสถานการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ในช่วงปลายปีนี้ส่งผลกระทบต่อยอดขายอย่างมาก ซึ่งคาดว่ายอดขายในไตรมาส 4/54 จะหดตัวลงราว 20% จากไตรมาส 4/53 และกำไรสุทธิก็จะลดลงในทิศทางเดียวกัน แต่คงไม่ถึงขั้นขาดทุน
นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ SCC กล่าวว่า ยอดขายช่วงไตรมาส 4/54 ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม แต่คาดว่ายอดขายจะกลับมาเติบโตได้ในไตรมาส 1/55 โดยเฉพาะปูนซิเมนต์และวัสดุก่อสร้างที่เชื่อว่าจะทำรายได้มากกว่าไตรมาส 1/54 ที่ยอดขายปูนซิเมนต์เติบโต 3% และธุรกิจวัสดุก่อสร้างเติบโต 10%
รวมทั้งคาดว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศไทยในปีหน้าจะสูงขึ้นเป็น 4-5% จากปีนี้ที่คาดว่าจะขยายตัวลดลงเหลือประมาณ 2% จึงคาดว่ายอดขายในปีหน้าจะเติบโตตามภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศ
อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมาต้นทุนพลังงานทั้งถ่านหินและแนปทาปรับราคาสูงขึ้นประมาณ 14-15% เทียบกับค่าเฉลี่ยของปีก่อน บริษัทได้พยายามลดต้นทุน และลดการใช้พลังงานลด โดยบริษัทยังมองว่าราคาน้ำมันและราคาพลังงานจะปรับตัวสูงขึ้นไปถึงไตรมาส 1/55 โดยคาดว่าราคาน้ำมันดิบเบรนท์จะอยู่ที่ 100-110 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
แต่หลังจากสถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลายลง บริษัทก็พยายามตรึงราคาวัสดุก่อสร้างเพราะเชื่อว่าจะมีความต้องการสูง ซึ่งทำให้บริษัทสามารถลดต้นทุนต่อหน่วยได้ โดยขณะนี้ทั้งสองกลุ่มผลิตภัณฑ์เริ่มกลับมาผลิตเต็มกำลังแล้ว
ขณะที่โรงงานผลิตก๊อกน้ำคอตโต้และโรงงานผลิตกระดาษที่ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมนวนครลังไม่สามารถเปิดดำเนินการได้ แต่คาดว่าทั้งสองโรงงานจะเปิดดำเนินการได้ภายในไตรมาส 1/55 และเดินเครื่องผลิตภายใต้กำลังผลิต 90% ได้ภายในครึ่งแรกของปี 55 จากช่วงเริ่มต้นน่าจะผลิตได้ราว 70%
ส่วนการเข้าซื้อกิจการในต่างประเทศแถบอาเซียนคาดว่าจะสรุปผลได้ในปี 55
นายกานต์ กล่าวว่า การฟื้นตัวของประเทศไทยในมุมมองของนักลงทุนต่างชาติเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาก็ได้ชี้แจงข้อมูลต่างๆ ในโอกาสเข้าร่วมเวทีการประชุมอาเซียนซัมมิทที่บาหลี และการโรดโชว์ที่นิวยอร์ก โดยนักลงทุนต่างชาติส่วนใหญ่ก็มองว่าเป็นผลกระทบระยะสั้น บริษัทเองก็ยังเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยจะมีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง และความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างชาติจะกลับมา เห็นได้จากตลาดหุ้นปรับตัวดีขึ้น หรือในบางช่วงที่ตลาดภูมิภาคปรับตัวลง แต่ตลาดหุ้นไทยก็ยังทรงตัวอยู่ได้