สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้มีมูลค่าการซื้อขายรวม 96,192 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดของวัน คือ พันธบัตร ธปท. มีมูลค่าการซื้อขาย 87,857 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 91% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้
สำหรับประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายเป็นลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่า 7,174 ล้านบาท โดยพันธบัตรรัฐบาลรุ่นอายุคงเหลือประมาณ 6 ปี 10 ปี และ 12 ปี (LB17OA LB21DA และ LB236A) เป็นที่นิยมซื้อขายสูงสุด โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 3,427 ล้านบาท หรือคิดเป็น 48% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายรวม 692 ล้านบาท โดยหุ้นกู้ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก คือ หุ้นกู้บ้านปู (BANPU184A) หุ้นกู้ของบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (MINT183A) และหุ้นกู้ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (PTTC17DA) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 397 ล้านบาท หรือคิดเป็น 57% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมด
นักลงทุนกลุ่มกองทุนมีสถานะซื้อสุทธิ 30,136 ล้าน นักลงทุนกลุ่มสถาบันการเงินที่ไม่มีใบอนุญาตค้าตราสารหนี้มีสถานะซื้อสุทธิ 2,616 ล้านบาท และกลุ่มของนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะซื้อสุทธิ 12,104 ล้านบาท
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Yield) ปรับตัวในกรอบแคบๆ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุไม่เกิน 1 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 1 — Basis Point ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 1 ปีขึ้นไปปรับตัวลดลง หรือเฉลี่ยแล้วปรับตัวลดลงประมาณ -1 ถึง -5 Basis Point ภาพรวมตลาดตราสารหนี้ไทยในวันนี้มีแรงซื้อจากทั้งนักลงทุนทั้งประเทศและนักลงทุนต่างประเทศเข้ามาค่อนข้างมาก โดยตลาดคาดว่าผลการประชุมสุดยอดผู้นำสหภาพยุโรปว่าจะออกมาตรการใดมาตรการหนึ่งมาเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สาธารณะ ซึ่งเป็นปัจจัยที่เอื้อต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดตราสารหนี้
ทั้งนี้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุคงเหลือ 3 เดือน ปิดที่ 3.22% ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.01% และอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุคงเหลือ 5 ปี ปิดที่ 3.11% ปรับตัวลดลง 0.04% จากวันก่อนหน้า