ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ดิ่ง 198.67 จุดหลังอีซีบีไม่มีแผนซื้อบอนด์ล็อตใหญ่

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday December 9, 2011 06:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลง 1.63% เมื่อคืนนี้ (8 ธ.ค.) หลังจากประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) เปิดเผยว่า อีซีบียังไม่มีแผนที่จะเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลล็อตใหญ่ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ การที่อีซีบีส่งสัญญาณว่าอาจจะไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกหลังจากที่ปรับลดไป 0.25% ในการประชุมเมื่อวานนี้ ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้นักลงทุนมีความวิตกกังวล ก่อนที่จะรับทราบผลการประชุมสุดยอดผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) ในวันศุกร์นี้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 198.67 จุด หรือ 1.63% ปิดที่ 11,997.70 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 26.66 จุด หรือ 2.11% ปิดที่ 1,234.35 จุด และดัชนี Nasdaq ดิ่งลง 52.83 จุด หรือ 1.99% ปิดที่ 2,596.38 จุด

ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงอย่างหนักเนื่องจากนักลงทุนผิดหวังต่อผลการประชุมครั้งล่าสุดของอีซีบี ซึ่งแม้ว่าคณะกรรมการกำหนดนโยบายของอีซีบีมีมติลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ระดับ 1% ในการประชุมเมื่อวานนี้ พร้อมเสนอวงเงินกู้ระยะเวลา 3 ปีอย่างไม่จำกัดจำนวนให้กับธนาคารพาณิชย์ แต่นายมาริโอ ดรากิ ประธานอีซีบีประกาศว่า อีซีบีไม่มีแผนการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลล็อตใหญ่ของรัฐบาลยูโรโซนตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ และยังกล่าวด้วยว่าการลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อวันนี้ เป็นมติที่ไม่เป็นเอกฉันท์ พร้อมกับส่งสัญญาณ อีซีบีจะยังไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในระยะใกล้นี้ด้วย

การแสดงความคิดเห็นของนายดรากิทำให้นักลงทุนมองว่า อีซีบียังไม่ได้ใช้มาตรการที่เด็ดขาดมากพอในการควบคุมการลุกลามของปัญหาหนี้สาธารณะ และยังส่งผลให้ต้นทุนการกู้ยืมของอิตาลี สเปน และประเทศอื่นๆในยูโรโซน พุ่งขึ้น ซึ่งบ่งชี้ว่ารัฐบาลของประเทศเหล่านี้กำลังแบกรับภาระหนี้สาธารณะที่สูงขึ้น

นอกจากนี้ ความผิดหวังต่อผลการประชุมอีซีบีทำให้นักลงทุนมองข้ามปัจจัยบวกจากรายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐที่ระบุว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 3 ธ.ค.ลดลง 23,000 ราย มาอยู่ที่ระดับ 381,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.ที่ผ่านมา จากสัปดาห์ก่อนหน้านั้นที่ระดับ 404,000 ราย

นักลงทุนจับตาดูการประชุมสุดยอดของผู้นำอียูที่กรุงบรัสเซลส์ในครั้งนี้อย่างใกล้ชิด ซึ่งจุดสนใจจะอยู่ที่กฎเกณฑ์ใหม่ในการประสานนโยบายการคลังเข้าด้วยกัน โดยนักลงทุนจับตาดูว่ากฎเกณฑ์ใหม่นี้จะนำไปสู่การแก้ไขสนธิสัญญาซึ่งต้องใช้เวลานานหรือไม่ เพราะการแก้ไขสนธิสัญญาจำเป็นต้องได้รับการอนุมัติจากประเทศสมาชิกอียูทั้ง 27 ประเทศ

หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงอย่างหนัก โดยหุ้นซิตี้กรุ๊ปร่วงลง 7% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ดิ่งลง 8.4% ส่วนหุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ร่วงลง 5.1%

หุ้นแมคโดนัล คอร์ป ดีดตัวขึ้น 0.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ทั่วโลกเพิ่มขึ้น ขณะที่หุ้นคอสโค โฮลเซลส์ ร่วงลง หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายที่ลดลง เนื่องต้นทุนที่ปรับตัวสูงขึ้น

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนต.ค.ในวันนี้เวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าสหรัฐจะขาดดุลการค้า 4.35 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนต.ค. เพิ่มขึ้นจาก 4.311 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนก.ย. นอกจากนี้ จะมีการเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนธ.ค.ของสหรัฐในวันนี้เวลา 21.55 น.ตามเวลาไทย ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าคาดว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจะอยู่ที่ 65.5 จุด เพิ่มขึ้นจาก 64.1 ในช่วงท้าย เดือนพ.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ