นายธีระพันธุ์ จิตตาลาน กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ฟินันซ่า คาดว่าสินทรัพย์ที่บริษัทบริหาร (AUM) ในปี 54 จะเพิ่มขึ้นเป็น 2.9-3 หมื่นล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 2.6 หมื่นล้านบาท เหตุผลที่เติบโตไม่มาก เนื่องจากในไตรมาส 3-4/55 ตลาดทุนและตลาดตราสารหนี้เผชิญความผันผวนของตลาดโลก และรับผลกระทบจากเหตุการณ์อุทกภัยในประเทศ
ส่วนปี 55 คาดเบื้องต้น AUM จะทรงตัวจากปี 54 หรือหากปรับขึ้นก็ไม่มาก เนื่องจากคาดว่าปัจจัยลบจะมีเข้ามาทั้งธนาคารพาณิชย์ในประเทศจะมีการเพิ่มทุนเพื่อรองรับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL)จากธุรกิจเอสเอ็มอี และรับผลกระทบจากสถาบันเงินฝาก
ดังนั้น ในปีหน้าบริษัทจะไม่เน้นการเติบโตของ AUM แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทมีแผนจะเปิดกองทุนอสังหาริมทรัพย์ใหม่ 2 กอง ซึ่งเข้าลงทุนธุรกิจค้าปลีก รวมมูลค่า 2-4 พันล้านบาท
นอกจากนี้ เห็นว่ากองทุน Money Market Fund เติบโตได้ดี โดยระหว่างนี้บริษัทได้เจรจากับบรีษัทหลักทรัพย์รายใหญ่ 4-5 ราย เพื่อร่วมกันออกกองทุนดังกล่าว เพื่อให้นักลงทุนพักเงินในกองทุนนี้ได้ คาดว่าจะมีขนาดกองทุนรวมกันประมาณ 1.2- 1.3 พันล้านบาท และจะทำให้บริษัทมีส่วนแบ่งในตลาดเพิ่มขึ้นได้บ้าง
"ปี 55 รอดูให้ชัดเจนกว่านี้ก่อน เราเป็นบลจ.เล็ก ไม่มุ่งไปแข่งกับบลจ. เราเน้นรักษา AUM และสร้างความรู้ให้กับลูกค้ามากกว่า"นายธีระพันธุ์ กล่าว
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในปี 55 บลจ.ฟินนันซ่า จะเน้นที่ตราสารหนี้ในประเทศ สัดส่วน 60% ของพอร์ต ลงทุนตราสารทุนในประเทศ 30% โดยเน้นหุ้น defensive และหุ้นจ่ายปันผลสูง และอีก 10% ลงทุนในกองทุนทองคำ
นายธีระพันธุ์ มองว่า ดัชนีหุ้นไทยในปี 55 น่าจะอยู่ที่ 850 จุดกรณีเกิดเหตุการณ์เลวร้ายสุด ขณะที่หากมองกรณีเกิดเหตุการณ์ดีดัชนีหุ้นไทยก็น่าจะไปได้ที่ 1,060 จุด
ทั้งนี้ กรณีเลวร้ายสุดจะมาจากภาวะเศรษฐกิจจีนชะลอตัวรุนแรง การเติบโตเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัว เศรษฐกิจในยุโรปถดถอยรุนแรง และเศรษฐกิจไทยเติบโตเพียง 3% ส่วนกรณีมองในแง่ดี บนสมมติฐานที่ภาวะเศรษฐกิจจีนชะลอความร้อนแรง เศรษฐกิจสหรัฐเริ่มฟื้น และเศรษฐกิจยุโรปชะลอตัว ขณะที่เศรษฐกิจไทยเติบโต 4.8% ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) คาดการณ์