นายสุรพล นิติไกรพจน์ ประธานกรรมการ บมจ. อสมท (MCOT) กล่าวในที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นวันนี้ว่าที่ประชุมมีมติไม่ถอดถอนคณะกรรมการบริษัทเนื่องจากได้รับหนังสือจากกระทรวงการคลังในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ 65.8% ยื่นหนังสือเมื่อวันที่ 24 พ.ย.54 ว่าไม่จำเป็นต้องพิจารณาเปลี่ยนแปลงกรรมการ MCOT และให้ขึ้นอยู่กับการลงมติของผู้ถือหุ้นซึ่งการประชุมในวันนี้ ทั้งนี้ ผู้ถือหุ้นได้ลงมติงดออกเสียง 93.6% ขณะที่คะแนนเสียงเห็นด้วย 0.13% และไม่เห็นด้วย 0.22%
อย่างไรก็ตามในที่ประชุมผู้ถือหุ้นได้ชี้แจงการปฏิบัติงานของนายธนวัฒน์ วันสม อดีตกรรมการผู้อำนวยการถึงสาเหตุที่ทางคณะกรรมการบริษัทยกเลิกการว่าจ้าง เนื่องจากพบว่าไม่ปฏิบัติตามมติคณะกรรมการและเกิดปัญหาการทำงานกับพนักงานโดยพบว่ามีการปฏิบัติผิด 19 ข้อ ทั้งในเรื่องของความไม่โปร่งใสในการทำงานและการใช้งบ CSR ที่ผิดปกติ
โดยเฉพาะประเด็นใหญ่คือ ทีวีระบบบอกรับสมาชิก (MMDX) ที่มีการแจ้งให้เอกชนมาลงทุน 40 เมกกะเฮิร์ต แต่กลับให้สิทธิกับเอกชนรายเดียวดำเนินการจากเดิมให้ทดลองให้เอกชนมาลงทุนจำนวนหลายราย ซึ่งมีหลายจุดที่ไม่เป็นไปตามสัญญา คณะกรรมการจึงตั้งกรรมการตรวจสอบภายนอกในการตรวจสอบและคาดว่าจะได้รับรายงานดังกล่าวใน 1-2 สัปดาห์ ทั้งนี้พบว่าความผิดปกติของสัญญาคณะกรรมการได้ตรวจสอบพบสัญญาหลังการให้ออกจากตำแหน่งแล้ว
ส่วนกรณีที่นายธนวัฒน์เรียกร้องต่อศาลแรงงานในเรื่องความเสียหายที่เกิดขึ้นซึ่งทางบริษัทจะต้องมีการพิสูจน์ให้เห็นและในเรื่องดังกล่าวได้ส่งให้กระทรวงการคลังในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่และกระทรวงการคลังได้ส่งบางประเด็นให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไปพิจารณาแล้ว
"การยกเลิกสัญญาจ้างถือเป็นการทำลายคนอย่างหนึ่งแต่ถ้าเป็นประโยชน์ต่อ อสมท. ผมก็ต้องทำ ผมยืนยันว่าที่เลือกผอ. เป็นจังหวะที่เหมาะสมในช่วงนั้นและ 2 ปีที่ทำงานเมื่อเห็นว่าไม่เหมาะสมผมก็ต้องรับผิดชอบโดยการเลิกจ้างที่ผ่านมาได้มีการเชิญ ผอ. มาคุย 4-5 ครั้งเพื่อสอบถามและตักเตือนว่ามีข้อบกพร่องอะไรบ้างที่ต้องการแก้ไขบางประเด็น"นายสุรพล กล่าว
ทั้งนี้ สำนวนที่ส่งไปยัง ปปช.เป็นเอกสารที่เห็นว่าไม่ถูกต้องโดยเฉพาะเรื่องการแต่งตั้งบุคคลากรซึ่งถือว่าเป็นประเด็นที่ทำให้อสมทเสียหายซึ่งต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของ ป.ป.ช. ซึ่งส่งเรื่องไปเมื่อวันที่ 25 พ.ย. 54 จากการประชุมผู้ถือหุ้นครั้งนี้จะทำให้ปัญหาต่างๆคลี่คลายลงทั้งปัญหาภายในของพนักงานซึ่งที่ผ่านมาพยายามปรับโครงสร้างองค์กร ส่วนการดำเนินงานของอสมท. 9 เดือนที่ผ่านมาเป็นเครื่องพิสูจน์การทำงานของคณะกรรมการ อสมท ทั้งในด้านรายได้และกำไร