ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าทะยานขึ้น 112 จุด หรือ 0.9% แตะที่ 12,056 จุด และดัชนี S&P ล่วงหน้าดีดตัวขึ้น 1.1% สู่ระดับ 1,243.4 จุด ณ เวลา 07.22 น.ตามเวลานิวยอร์กในวันนี้ (9 ธ.ค.) ขานรับข่าวที่ว่า ที่ประชุมสุดยอดผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) เห็นพ้องกันว่าให้มีการกำหนด "บทบัญญัติทางการคลัง" (fiscal compact) ฉบับใหม่ ซึ่งมีเป้าหมายที่จะแก้ไขวิกฤตหนี้ยุโรป
นอกจากนี้ ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้ายังพุ่งขึ้นหลังจากที่ประชุมอียูตัดสินใจร่นระยะเวลาการใช้กลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป (ESM) ให้เร็วขึ้นจากเดิม 1 ปี และพิจารณาเรื่องจัดหาเงินทุนวงเงิน 2 แสนล้านยูโรให้แก่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เพื่อช่วยให้ไอเอ็มเอฟมีศักยภาพในการแก้ไขวิกฤติหนี้สินยูโรโซนได้มากขึ้น ทั้งนี้ ผู้นำอียูเห็นพ้องให้ร่นระยะเวลาการใช้ ESM ให้เร็วขึ้นจากเดิมหนึ่งปี โดยกำหนดว่าจะเปิดใช้ ESM ในเดือนก.ค. 2555 ส่วนกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) จะยังคงดำเนินงานต่อไปจนถึงกลางปี 2556 พร้อมกำหนดให้ความสามารถในการปล่อยกู้ของกองทุนสองแห่งนี้รวมกันอยู่ที่ 5 แสนล้านยูโร
หุ้นคูเปอร์ คอมพานี อิงค์ พุ่งขึ้น 2.6% แต่หุ้นเท็กซัส อินสตรูเมนท์ ร่วงลง 6.4% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ยอดขายประจำปี 2554
ส่วนหุ้นฟอร์ด มอเตอร์ ดีดตัวขึ้น 1.7% และหุ้นคราฟท์ ฟูดส์ พุ่งขึ้น 0.9%
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนต.ค.ในวันนี้เวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าสหรัฐจะขาดดุลการค้า 4.35 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนต.ค. เพิ่มขึ้นจาก 4.311 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนก.ย.
นอกจากนี้ รอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนจะมีการเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนธ.ค.ของสหรัฐในวันนี้เวลา 21.55 น.ตามเวลาไทย ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าคาดว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจะอยู่ที่ 65.5 จุด เพิ่มขึ้นจาก 64.1 ในช่วงท้าย เดือนพ.ย.