สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX เดือนม.ค.ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกที่ตลาดลอนดอน ลดลง 79 เซนต์ แตะที่ 97.55 ดอลลาร์/บาร์เรล ณ เวลา 09.50 น.ตามเวลาลอนดอนในวันนี้ หลังจากจีนเปิดเผยผลผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ขยายตัวช้าลง และรัฐบาลญี่ปุ่นประกาศลดการประเมินเศรษฐกิจในไตรมาส 3
สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานในวันนี้ว่า ผลผลิตมูลค่าเพิ่มภาคอุตสาหกรรมในเดือนพ.ย. ขยายตัว 12.4% ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวที่ช้าลงเมื่อเทียบกับเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว ขณะที่รัฐบาลญี่ปุ่นได้ปรับลดการประเมินการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมา 3 โดยระบุว่า จีดีพีไตรมาส 3 ขยายตัวเพียง 5.6% ลดลงจากที่ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ว่า ขยายตัว 6%
นอกจากนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นยังได้ปรับลดการประเมินตัวเลขการใช้จ่ายด้านทุนของบริษัทเอกชนในไตรมาส 3 โดยระบุว่า ตัวเลขดังกล่าวลดลง 0.4% จากไตรมาสที่ 2 ซึ่งตรงข้ามกับที่ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ว่า ขยายตัว 1.1% และได้ปรับการประเมินตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 60% ของจีดีพีญี่ปุ่น เป็นขยายตัว 0.7% น้อยกว่าการประเมินครั้งก่อนที่ว่า จะขยายตัว 1%
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลงไม่มากนัก เนื่องจากบรรยากาศการซื้อขายในตลาดได้รับแรงหนุนจากรายงานที่ว่า ที่ประชุมสุดยอดผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) เห็นพ้องกันว่าให้มีการกำหนด "บทบัญญัติทางการคลัง" (fiscal compact) ฉบับใหม่ ซึ่งมีเป้าหมายที่จะแก้ไขวิกฤตหนี้ยุโรป
นักลงทุนจับตาดูการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) ในวันที่ 14 ธ.ค.นี้ โดยมีการคาดการณ์ว่า รมว.คลังกลุ่มโอเปคอาจจะไม่สามารถตกลงกันได้ในเรื่องการปรับเพิ่มโควต้าการผลิต หลังจากซาอุดิอาระเบียได้ปรับเพิ่มการผลิตน้ำมันดิบในเดือนพ.ย.เป็น 9.4 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 30 ปี พร้อมประกาศว่าจะเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันดิบเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการที่สูงขึ้น