ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (12 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนกลับมาวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ยุโรปอีกครั้ง หลังจากมูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ประกาศว่าจะทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือของ 27 ชาติสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) หลังจากที่ประชุมอียูไม่ได้ประกาศใช้มาตรการที่เบ็ดเสร็จเด็ดขาดในการแก้ปัญหาหนี้สาธารณะ ขณะที่ฟิทช์ เรทติงส์ และสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) ได้ออกมาแสดงมุมมองที่เป็นลบต่อผลการประชุมอียูในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วง 162.87 จุด หรือ 1.34% แตะที่ 12,021.39 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดลบ 18.72 จุด หรือ 1.49% แตะที่ 1,236.47 จุด ดัชนี Nasdaq ปิดลบ 34.59 จุด หรือ 1.31% แตะที่ 2,612.26 จุด
บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดัน หลังจากมูดีส์ประกาศว่าจะทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือของ 27 ประเทศสมาชิกอียูในช่วงไตรมาสแรกของปี 2555 หลังจากผู้นำอียู "แทบจะไม่ได้ประกาศใช้มาตรการใหม่ๆ" ในการแก้ไขวิกฤตหนี้ยุโรป ในการประชุมครั้งนี้
ขณะฟิทช์ เรทติงส์ ระบุว่า การประชุมสุดยอดผู้นำอียูเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว "แทบจะไม่ได้ช่วยลดแรงกดดันที่มีต่อรัฐบาลอียู ในการจัดการกับปัญหาหนี้สาธารณะในภูมิภาค" และเอสแอนด์พีได้แสดงมุมมองที่เป็นลบต่อผลการประชุมอียูครั้งล่าสุด และยังคงยืนยันการตัดสินใจที่ว่าเอสแอนด์พีอาจจะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศยูโรโซน
นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการลุกลามของปัญหาหนี้ยุโรปมากขึ้น หลังจากผลการประมูลพันธบัตรของสเปนและอิตาลีบ่งชี้ว่า อัตราผลตอบพันธบัตรของทั้ง 2 ประเทศแทนพุ่งขึ้นเกือบแตะระดับ 7% ซึ่งเป็นระดับที่อันตรายและสะท้อนให้เห็นว่าสเปนและอิตาลีกำลังแบกรับภาระหนี้สาธารณะอยู่เป็นจำนวนมาก
หุ้นกลุ่มการเงินร่วงลงอย่างหนัก เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าธนาคารรายใหญ่อาจจะได้รับความเสียหายจากวิกฤตหนี้ยุโรป โดยหุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ร่วงลง 6.1% หุ้นซิตี้กรุ๊ป อิงค์ ร่วงลง 5.4% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ดิ่งลง 4.7% และหุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ร่วงลง 3.4%
หุ้นอินเทล คอร์ป ดิ่งลง 4% หลัวจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการไตรมาส 4 เนื่องจากปัญหาเกี่ยวกับห่วงโซ่อุปทานอันเป็นผลมาจากเหตุการณ์น้ำท่วมในประเทศไทย
หุ้นไดมอนด์ ฟูดส์ อิงค์ ดิ่งลง 23% หลังจากมีรายงานว่าบริษัทกำลังถูกตรวจสอบเรื่องการจ่ายเงินให้กับเกษตรกรผู้ปลูกวอลนัท
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันอังคาร กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนพ.ย. และกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนต.ค. ส่วนวันพุธ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยราคานำเข้าและส่งออกเดือนพ.ย.
วันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ย. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐเปิดเผยข้อมูลการผลิตในภาคอุตสาหกรรม ส่วนวันศุกร์ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ย.