ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้อ่อนตัวลง เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับกรณีที่มูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส และฟิทช์ เรทติ้งส์ ระบุว่า การประชุมสุดยอดสหภาพยุโรปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วผ่อนคลายแรงกดดันที่มีต่อประเทศที่ประสบปัญหาได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 8,535.52 จุด ลดลง 118.30 จุด ขณะที่ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 18,327.45 จุด ลดลง 248.21 จุด ส่วนดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นโซลเปิดวันนี้ที่ 1,877.40 จุด ลดลง 22.36 จุด ดัชนีเวทเต็ดตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 6,883.08 จุด ลดลง 65.96 จุด ส่วนดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,462.91 จุด ลบ 4.19 จุด ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ที่ 4,234.80 จุด ลดลง 18.00 จุด และดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,676.28 จุด ลดลง 25.44 จุด
ดัชนี MSCI Asia Pacific Index ร่วง 1% เมื่อเวลา 9.31 น.ตามเวลาท้องถิ่นในกรุงโตเกียว
สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำทั้ง 3 แห่ง ซึ่งได้แก่ มูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส, ฟิทช์ เรทติงส์ และสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) ได้แสดงมุมมองในด้านลบต่อผลการประชุมสุดยอดผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) ครั้งล่าสุดซึ่งเสร็จสิ้นลงเมื่อวันศุกร์ที่ 9 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยมูดีส์ประกาศว่าจะทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือของ 27 ประเทศสมาชิกอียูในช่วงไตรมาสแรกของปี 2555 หลังจากผู้นำอียู "แทบจะไม่ได้ประกาศใช้มาตรการใหม่ๆ" ในการแก้ไขวิกฤตหนี้ยุโรป ในการประชุมครั้งนี้
"ผลการประชุมอียูครั้งนี้ไม่สามารถทำให้มูดีส์เปลี่ยนแปลงมุมมองที่ว่า ประเทศยุโรปยังคงเผชิญกับความเสี่ยงมากขึ้น ตามที่เราประกาศไว้เมื่อเดือนพ.ย.ว่า เราจะทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือของทุกประเทศของอียูนั้น ผลการประชุมที่ออกมาในครั้งนี้ทำให้เราคาดว่าอาจจะปรับทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศกลุ่มนี้ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2555" มูดีส์กล่าวในรายงาน
ขณะฟิทช์ เรทติงส์ ระบุว่า การประชุมสุดยอดผู้นำอียูเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว "แทบจะไม่ได้ช่วยลดแรงกดดันที่มีต่อรัฐบาลอียู ในการจัดการกับปัญหาหนี้สาธารณะในภูมิภาค"
"ที่ประชุมอียูไม่ได้ประกาศแนวทางการแก้ปัญหาอย่างเบ็ดเสร็จ ซึ่งสาเหตุดังกล่าวได้สร้างแรงกดดันในระยะสั้นต่อประวัติความน่าเชื่อถือและอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศในกลุ่มยูโรโซน ซึ่งหมายความว่า วิกฤตหนี้สาธารณะอาจจะทวีความรุนแรงไปจนถึงปีหน้าหรืออาจจะมากกว่า นอกเสียจากว่าอียูจะสามารถผลักดันเศรษฐกิจโดยรวมให้ฟื้นตัวอย่างยั่งยืนได้" ฟิทช์ระบุในรายงาน