สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้ มีมูลค่าการซื้อขายรวม 62,033 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดของวัน คือ พันธบัตร ธปท. มีมูลค่าการซื้อขาย 58,792 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 94% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้
สำหรับประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายเป็นลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่า 2,394 ล้านบาท โดยพันธบัตรรัฐบาลรุ่นอายุคงเหลือประมาณ 2 ปี 3 ปี และ 6 ปี (LB133A LB145B และ LB176A) เป็นที่นิยมซื้อขายสูงสุด โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 1,181 ล้านบาท หรือคิดเป็น 49% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายรวม 511 ล้านบาท โดยหุ้นกู้ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก คือ หุ้นกู้ของบริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) (MAJOR126A) หุ้นกู้ของบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) (CPN126A) และหุ้นกู้ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (BAY206A) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 290 ล้านบาท หรือคิดเป็น 57% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมด
นักลงทุนกลุ่มกองทุนมีสถานะซื้อสุทธิ 19,650 ล้าน กลุ่มนิติบุคคลในประเทศมีสถานะซื้อสุทธิ 6,654 ล้านบาท และกลุ่มของนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะขายสุทธิ 6,080 ล้านบาท
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Yield) ปรับตัวลดลงเล็กน้อย หรือเฉลี่ยแล้วปรับตัวลดลงประมาณ -1 ถึง -5 Basis Point โดยปัจจัยหลักที่กระทบต่อตลาดตราสารหนี้ในช่วงนี้เป็นเรื่องผลการประชุมสุดยอดผู้นำยุโรปที่ยังไม่มีมาตรการใหม่ๆออกมาเพื่อแก้ปัญหาวิกฤตหนี้ยุโรป ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติวันนี้มีแรงเทขายค่อนข้างมาก สำหรับปัจจัยภายในประเทศนั้น ตลาดคาดการณ์ว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีกในการประชุมกนง.ครั้งหน้า เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
ทั้งนี้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุคงเหลือ 3 เดือน ปิดที่ 3.16% ปรับตัวลดลง 0.04% และอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุคงเหลือ 5 ปี ปิดที่ 3.08% ปรับตัวลดลง 0.01% จากวันทำการก่อนหน้า