ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ลบ 66.45 จุดหลังเฟดไม่ใช้มาตรการกระตุ้นศก.

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday December 14, 2011 06:31 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (13 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) รอบใหม่เพื่อกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการที่เฟดระบุว่า ภาวะตึงตัวในตลาดการเงินทั่วโลกอาจจะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับภาวะขาลง

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 66.45 จุด หรือ 0.55% แตะที่ 11,954.94 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดลบ 10.74 จุด หรือ 0.87% แตะที่ 1,225.73 จุด ดัชนี Nasdaq ปิดลบ 32.99 จุด หรือ 1.26% แตะที่ 2,579.27 จุด

ในช่วงเช้านั้น ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นขานรับข่าวที่ว่าสเปนสามารถระดมทุนจากการจำหน่ายพันธบัตรระยะสั้นได้ 4.94 พันล้านยูโร (6.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในวันนี้ ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายสูงสุดที่วางไว้ที่ 4.25 พันล้านยูโร โดยให้อัตราผลตอบแทนในระดับที่ต่ำกว่าการประมูลครั้งก่อน

แต่หลังจากนั้นภาวะการซื้อขายก็เริ่มผันผวน เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังที่เฟดไม่ได้ส่งสัญญาณการใช้มาตรการ QE รอบใหม่ในการประชุมครั้งล่าสุดตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ แม้เฟดตระหนักว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงเปราะบาง อันเนื่องมาจากวิกฤตหนี้ยุโรปและการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกก็ตาม

คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) มีมติด้วยคะแนนเสียง 9 ต่อ 1 ให้คงเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ที่ระดับ 0-0.25% และย้ำว่าจะยังคงรักษาอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับต่ำเป็นพิเศษต่อไปอย่างน้อยจนถึงกลางปี 2556 นอกจากนี้ เฟดระบุว่า ภาวะตึงตัวในตลาดการเงินทั่วโลกยังคงเป็นปัจจัยที่ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มที่จะเผชิญกับภาวะขาลง

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับปัจจัยลบจากรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่ระบุว่า ยอดค้าปลีกของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นอัตราขยายตัวยังนับว่าช้าที่สุดในรอบ 5 เดือน และยังต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้

อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวลงในกรอบที่จำกัด เนื่องจากนักลงทุนขานรับรายงานที่ว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนต.ค.ของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.8% สู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.55 ล้านล้านดอลลาร์ เพราะได้แรงหนุนจากการที่ภาคเอกชนมีความเชื่อมั่นและปรับเพิ่มสต็อกสินค้า

หุ้นเบสท์ บาย ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกเครื่องไฟฟ้าของสหรัฐ ดิ่งลง 15% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ไตรมาส 3 หดตัวลง 29% หุ้นเออร์แบน เอาท์ฟิทเทอร์ส ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภค ดีดตัวขึ้น 5.3% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายที่ดีเกินคาด

หุ้นไฟเซอร อิงค์ ในกลุ่มเวชภัณฑ์ ดีดตัวขึ้น 1.8% หลังจากบริษัทประกาศแผนการซื้อคืนหุ้นมูลค่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์ หุ้นสปรินท์ เน็กซ์เทล คอร์ป ดีดขึ้น 1%

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพุธ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยราคานำเข้าและส่งออกเดือนพ.ย. วันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ย. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐเปิดเผยข้อมูลการผลิตในภาคอุตสาหกรรม ส่วนวันศุกร์ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ