นายเผดิมภพ สงเคราะห์ กรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการเงินทุนบุคคล บล.กสิกรไทย ปฎิเสธกระแสข่าวที่ระบุว่าบริษัทกำลังเจรจาเข้าซื้อกิจการโบรกเกอร์แห่งหนึ่ง โดยยืนยันว่า บริษัทไม่มีนโยบายในการควบรวมกิจการหรือซื้อกิจการ เนื่องจากการดำเนินธุรกิจของบริษัทอยู่ในลักษณะเครือธนาคารกสิกรไทย ซึ่งไม่เน้นการเติบโตแบบก้าวกระโดด แต่เน้นที่คุณภาพ
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าอาจจะมีการเจรจากับโบรกเกอร์แห่งอื่นเพื่อเป็นพันธมิตรร่วมมือทางธุรกิจ โดยขึ้นอยู่กับนโยบายของธนาคารและผู้บริหาร แต่ช่วงนี้ใกล้การเปิดเสรีธุรกิจหลักทรัพย์ในปี 55 ทำให้เกิดกระแสข่าวการซื้อหรือควบรวมกิจการของโบรกเกอร์หลายรายมาอย่างต่อเนื่อง
สำหรับการดำเนินธุรกิจของบล.กสิกรไทย นายเผดิมภพ กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าในปี 55 จะเป็นโบรกเกอร์ติดอันดับ 1 ใน 5 หรือมีส่วนแบ่งการตลาดราว 5% จากสิ้นปี 54 คาดว่าบริษัทจะอยู่ที่อันดับ 13 ซึ่งช้ากว่าที่คาดหวังไว้ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม
ส่วนลูกค้าใหม่ที่มาเปิดปัญชีกับบริษัทในปี 54 คาดว่าจะอยู่ที่ 9 พันราย เพิ่มขึ้นจากปี 53 ที่มีลูกค้าใหม่ประมาณ 2,500 รายเท่านั้น ขณะที่ปี 55 บริษัทตั้งเป้ามีลูกค้าใหม่เข้ามาเพิ่มไม่น้อยกว่า 9 พันราย ซึ่งลูกค้าที่เป็นนักลงทุนหน้าใหม่จะมีวอลุ่มเฉลี่ยซื้อขาย 1 ล้านบาท/ราย มองว่าขณะนี้นักลงทุนหน้าใหม่ที่เข้ามาเปิดบัญชีจะมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องเศรษฐศาสตร์และธุรกิจมากขึ้น
ขณะเดียวกันทิศทางดอกเบี้ยปีหน้า มองว่าดอกเบี้ยนโยบายน่าจะปรับลงอีกในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ครั้งแรกของปีในเดือน ม.ค.55 และคาดว่าอัตราดอกเบี้ยน่าจะทรงตัวถึงสิ้นปี อาจจะเป็นตัวแปรในการทำตลาดของบริษัทในปีหน้า แม้ปัจจัยต่างประเทศยังไม่ดีนัก แต่เศรษฐกิจไทยปีหน้ามีทิศทางที่ดีขึ้น
ทั้งนี้ ฐานลูกค้าของบริษัทคาดว่าสิ้นปี 54 จะอยู่ที่ 24,000 บัญชี จากสิ้นปี 53 อยู่ที่ 15,200 บัญชี และมีเป้าหมายที่จะขยายฐานลูกค้าหน้าใหม่มากขึ้น ขณะเดียวกันจะรักษาฐานลูกค้าเก่าไว้ให้ได้ โดยหวังว่าสัดส่วนรายได้จากลูกค้าหน้าใหม่จะมีเพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน 25% เป็น 30-40% ภายใน 3-4 ปีข้างหน้า
"ลูกค้าเก่าอาจจะไม่มีความรู้ด้านการเงินมากกว่าลูกค้าหน้าใหม่ที่มีความรู้ด้านการลงทุนมากขึ้นและอยู่ในตลาดนานกว่า ขณะที่ลูกค้าเก่าบางส่วนก็มีหายไปบ้าง แต่จะมีวอลุ่มการซื้อขายมากกว่า"นายเผดิมภพ กล่าว
ด้านนายประสงค์ รุ่งสมัยทอง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายกลยุทธการตลาด บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ในปี 55 ภาพรวมการลงทุนคงจะมีกิจกรรมต่างๆ มากระตุ้นตลาดมากขึ้น เพื่อให้ตลาดเติบโตได้ โดยเฉพาะการเปิดเสรีค่าคอมมิชั่น ทำให้การแข่งขันรุนแรงมากขึ้นตามกลไกตลาด โดยบริษัทจะไม่เน้นการแข่งขันด้านราคา เพราะในที่สุดแล้วธุรกิจคงอยู่ไม่ได้ แต่จะเน้นการแข่งขันด้านการส่งเสริมความรู้ ด้านงานวิจัยและคุณภาพของงานมากกว่า
และในขณะนี้บริษัทได้จัดแคมเปญ KS Amazing Trip ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 โดยนำคะแนนสะสมจากการซื้อขายหลักทรัพย์ที่ไม่มีหวัดหมดอายุ มาแลกคะแนนสะสม ซึ่งปีนี้อยู่ภายใต้แนวคิดสัมผัสสุดยอดประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตที่เงินไม่สามารถซื้อได้ งบประมาณ กว่า 6 ล้านบาท
ประกอบด้วย 2 รางวัลใหญ่ โดยรางวัลแรก ลูกค้าที่สะสม KS Amazing Point ระหว่างวันที่ 1 ธ.ค.54-31 มี.ค.55 มาแลกรับสิทธิร่วมสัมผัสงาน Floriade 2012:World Horticultural EXPO งานพืชสวนระดับโลกที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ พร้อมท่องมหานครปารีส ประเทศฝรั่งเศส จำนวน 10 รางวัลๆละ 2 ที่นั่ง
และรางวัลที่สอง สำหรับลูกค้าที่สะสม KS Amazing Point ระหว่างวันที่ 1 ธ.ค.54-31 มี.ค.55 ด้วยการซื้อขายหลักทรัพย์ผ่านผู้จัดการเงินทุนบุคคล หรือผ่านช่องทางอินเตอร์เน็ต มีสิทธิจับสลากลุ้นเป็นร่วมสัมผัสประสบการณ์ที่ประเทศญี่ปุ่น 20 รางวัลๆละ 1 ที่นั่ง