ร.อ.กรี เดชชัย ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น(SC)เปิดเผยว่า บริษัทเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมใหม่พร้อมกัน 2 โครงการ เกาะแนวรถไฟฟ้า มูลค่ารวม 1,110 ล้านบาท ได้แก่ โครงการ"เดอะ เครสท์ สุขุมวิท24"เป็น คอนโดมิเนียม 8 ชั้น มูลค่าโครงการ 650 ล้านบาท และโครงการ"เดอะ เครสท์ สุขุมวิท 49"เป็นคอนโดมิเนียม 8 ชั้น มูลค่าโครงการ 460 ล้านบาท รองรับความต้องการที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมที่เพิ่มขึ้นจากวิกฤตน้ำท่วม
ขณะที่โครงการใหม่แนวราบ การก่อสร้างยังคงเป็นไปตามแผนงาน แต่บริษัทจะชะลอการเปิดขายออกไปก่อน และพร้อมจะเปิดการขายทันทีสถานการณ์น้ำท่วมกลับสู่ภาวะปกติ โดยโครงการที่เลื่อนออกไปเปิดตัวในเดือน ม.ค.55 เป็นบ้านเดี่ยวย่านพระราม 5 มูลค่า 1.5 พันล้านบาท จากแผนเดิมไตรมาส 4/54
บริษัทยอมรับว่าจากผลกระทบสถานการณ์น้ำท่วมที่กระทบกับผลประกอบการในช่วงไตรมาส 4/54 โดยรายได้และกำไรลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยรายได้คาดว่าจะทำได้ 800 ล้านบาทจากโครงการบ้านเดี่ยว แต่มียอดขายคอนโดมิเนียม 3 โครงการที่เปิดขายพ.ย.- ธ.ค. ประมาณ 1.7 พันล้านบาท
ดังนั้น บริษัทจึงคาดว่ารายได้ทั้งปีนี้มีโอกาสต่ำกว่าเป้าหมายเล็กน้อยราว 5% เช่นเดียวกับกำไรสุทธิในปีนี้ที่อาจต่ำกว่าแผนงาน แต่ยังน่าจะทำได้เกินกว่า 1 พันล้านบาท ซึ่งสูงกว่ากำไรสุทธิในปีก่อน เนื่องจาก 9 เดือนแรกมีกำไรสุทธิแล้ว 950 ล้านบาท โดยมีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 16-17%
ส่วนในปี 55 บริษัทตั้งเป้าหมายทำรายได้เติบโตมากกว่า 10% ภายใต้แผนงานการเปิดโครงการใหม่ราว 20 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 1.5-1.6 หมื่นล้านบาท และคาดว่ายอดขายรอโอน(backlog) ณ สิ้นปีนี้จะอยู่ที่ 3.2 พันล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้เป็นรายได้ในปีหน้าประมาณ 1.8 พันล้านบาท ขณะที่บริษัทตั้งงบลงทุนซื้อที่ดินใหม่ในปีหน้า 3 พันล้านบาท ต่ำกว่าปีนี้ที่ใช้ไปราว 5 พันล้านบาท
ร.อ.กรี เปิดเผยว่า ยอดขายโครงการคอนโดมีเนียมได้รับการตอบรับดี โดยเฉพาะโครงการ"เซ็นทริค ติวานนท์"ที่เปิดขายเฟสแรกในวันที่ 5 พ.ย.54 มียอดขาย 80% และจะทยอยเปิดเฟสที่ 2 ในปี 55 รวมทั้งโครงการใหม่ย่านสุขุมวิท 2 แห่งที่จะทยอยแล้วเสร็จในปี 55-56 คาดว่าจะมียอดขายประมาณ 1.7 พันล้านบาท
อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดว่าผู้บริโภคจะกลับมาตัดสินใจซื้อตามปกติในช่วงเดือน ก.พ 55 จากปัจจุบันที่ชะลอตัวลงไป โดยที่ผ่านมาบริษัทได้ใช้งบ 30 ล้านบาทรองรับปัญหาน้ำท่วมในโครงการที่มีอยู่ 33 โครงการ แม้จะไม่มีโครงการใดได้รับผลกระทบ แต่เป็นการป้องกันความเสี่ยงในอนาคต ซึ่งจะดำเนินการทั้งปรับพื้นดินเพื่อสร้างบ้านในระดับสูงกว่าพื้นถนน เตรียมกระสอบทราย และเครื่องสูบน้ำ จะส่งผลให้ต้นทุนสูงขึ้นเล็กน้อย