นายสมชาย เอนกทวีผล ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.ฟินันเซียไซรัส จำกัด กล่าวว่า ภาวะหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง และมีโอกาสที่จะเห็นการพักฐานในระยะสั้นท่ามกลางไม่มีปัจจัยสนับสนุนตลาด โดยเฉพาะตลาดต่างประเทศที่กดดัน จากความกังวลยุโรปต่อเนื่อง รวมทั้งหลังไอเอ็มเอฟ มองเศรษฐกิจกรีซ อาจหดตัวลงในปีหน้าในระดับที่รุนแรงกว่าที่คาด นอกจากนี้ราคาราคาน้ำน้ำดิบ และราคาทองคำก็ลดลง ซึ่งจะส่งผลให้ตลาดไม่ไปไหน
ขณะที่มองการลงทุนของต่างชาติ ยังคงขายต่อเนื่องซึ่งเป็นปกติในช่วงปลายปี ดังนั้นโอกาสที่หุ้นจะยืนในแดนบวกได้ก็ค่อนข้างยาก ขณะที่ตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเช้านี้ปรับตัวลงเป็นส่วนใหญ่
พร้อมให้แนวรับ 1,015 -1,010 จุด แนวต้าน 1,025 - 1,030 จุด
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด(14 ธ.ค.) ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 11,823.48 จุด ลดลง 131.46 จุด (-1.1%) ดัชนีเอส
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 769.32 ล้านบาท เมื่อ 14 ธ.ค.
- ราคาน้ำมันดิบส่งมอบเดือน ม.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุดที่ 94.95 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 5.19 ดอลลาร์ หรือ 5.18%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์เช้านี้เปิดที่ 10.68 เหรียญฯ/บาร์เรล ปรับขึ้นจากเมื่อวานนี้ (14ธ.ค)ปิดที่
- เอสแอนด์พี ชี้ ความเสี่ยงอุตสาหกรรมแบงก์ไทยติดกลุ่มได้คะแนนดีขึ้น จากการประเมินผลเรทติ้งสถาบันการเงินย่านเอเชียแปซิฟิก 126 แห่ง ระบุฐานเงินทุนหลักโดยเฉลี่ยของแบงก์ทั้งภูมิภาคสูง สัดส่วนเงินทุนเทียบคาดการณ์ความเสี่ยง 10% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มแบงก์ชั้นนำระดับโลก พร้อมแจงเรทติ้งที่ให้ส่วนใหญ่ 68% ไม่เปลี่ยนแปลง 20% ได้ปรับเพิ่ม มีเพียง 12% โดนหั่นเรทติ้ง
- รมว.อุตสาหกรรมแย้มนิคมอุตสาหกรรมและเขตประกอบการ 7 แห่งที่ประสบภาวะน้ำท่วม เริ่มกลับมาผลิตได้แล้ว 115 แห่ง คาดว่าโรงงานจะกลับมาเปิดได้ครบ 100% ไม่เกินไตรมาส 2 เนื่องจากโรงงานบางแห่งต้องนำเข้าเครื่องจักรใหม่ ทำให้ต้องใช้เวลาฟื้นฟูนาน
- "ชาตรี"รับความเสี่ยงเศรษฐกิจโลกมีมากขึ้น ขอโฟกัสธุรกิจจีนเป็นหลัก พร้อมเน้นให้สินเชื่อการค้ามากกว่าอุตสาหกรรมอื่นรวมทั้งกระจายความเสี่ยงไปยังแบงก์อื่น ระบุปัญหาหนึ่งของการขยายธุรกิจจีนคือบุคลากร ขณะที่ประธานสมาคมแบงก์ระบุเปิดเสรีอาเซียนเป็นโจทย์หลักแบงก์-เอสเอ็มอี ด้านกสิกรไทยเผยการค้าไทย-อาเซียนโต 10% ต่อปีเร่งสร้างแบงก์พันธมิตรในภูมิภาครองรับธุรกรรม