นายวีระ อิงค์ธเนศ กรรมการผู้จัดการ บมจ. เอสวีโอเอ (SVOA) ผู้ผลิตและจำหน่ายคอมพิวเตอร์ไทย แบรนด์"เอสวีโอเอ" เปิดเผยว่า ในปี 55 บริษัทยังคงเป้าหมายเติบโต 5-10% โดยจะขยายใน 2 ธุรกิจหลัก ประกอบด้วยธุรกิจช่องทางการจัดจำหน่าย และธุรกิจบริการหลังการขาย
ปัจจุบันเอสวีโอเอได้สิทธิ์เป็นตัวแทนจำหน่ายให้กับ 15 แบรนด์ดัง และล่าสุดได้สิทธิ์การเป็นตัวแทนจำหน่ายของซัมซุง ในการจำหน่ายสินค้าไอทีเกือบทุกชนิด เช่น โน้ตบุ๊ก จอมอนิเตอร์ เลเซอร์พริ้นเตอร์ แทบเล็ต โปรเจคเตอร์ และยังเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าเดลล์ ฟูจิตสึ เป็นต้น นอกจากนี้บริษัทจะยังคงเจรจาและเสนอให้ผู้ผลิตสินค้าไอทีทุกแบรนด์ เชื่อมั่นว่าเอสวีโอเอมีศักยภาพในการจำหน่ายสินค้าไอทีได้ดี โดยตั้งเป้าหมายที่จะก้าวไปเป็นหนึ่งในผู้นำในตลาดช่องทางการจัดจำหน่ายและการบริการ
ส่วนบริการหลังการขาย เอสวีโอเอมีทีมเซอร์วิส ที่คอยให้คำปรึกษาและบริการประมาณ 300 กว่าคน โดยรับงานบริการให้ลูกค้าได้ทุกแบรนด์ที่เป็นเซอร์วิสโพรไวเดอร์ที่เข้ามาในประเทศไทยทั่วประเทศ
"เราสามารถทำได้สินค้าที่เราจะเซอร์วิสไม่จำกัดเฉพาะไอทีโปรดักส์ พวกโน๊ตบุ๊ก เดสต์ท๊อปหรือแม้แต่พริ้นเตอร์ เราก็ให้บริการได้ และยังจะขยายเข้าไปในสเปเชียลโปรดักส์ เช่น ตู้เอทีเอ็ม เครื่องพิมพ์บัตรคิว หรือ มัลติโปรดักส์ ที่ไม่ได้จัดจำหน่าย แต่สามารถเข้าไปเซอร์วิสให้ได้ สิ่งที่เราทำได้เพราะมีระบบรวบรัดทำธุรกิจบริการ และลิงค์กับเจ้าของโปรดักส์ ทราบถึงพื้นฐานระบบการทำงานของสินค้าอยู่แล้ว และรู้พื้นฐานของผู้บริโภคว่าต้องการสิ่งใด" นายวีระ กล่าว
สำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ แบรนด์ “SVOA" นั้น จะไม่เข้าไปทำตลาดในส่วนของโน้ตบุ๊ก ซึ่งเอสวีโอเอจะเน้นไปที่ตลาดเดสต์ท็อปมากกว่า โดยมองว่าตลาดยังคงโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยจะเน้นในส่วนของการทำตลาดคอนซูมเมอร์และระบบราชการให้มากขึ้น นอกจากนี้ยังเจาะเข้าในไปส่วนของเวอร์ทิเคิลมาร์เก็ต เช่น ธุรกิจอินเตอร์เน็ตไอ -คาเฟ่ หรือเกมเมอร์มาร์เก็ต ที่ยังคงมีอัตราเติบโต และมีช่องทางการทำตลาดได้อย่างต่อเนื่อง
นายวีระ กล่าวถึงภาพรวมธุรกิจไอทีในปี 55 ว่า จะได้รับผลกระทบจาก 3 ปัจจัยหลักคือ 1. ภาวะอุทกภัยที่เกิดขึ้นนั้นทำให้สินค้าขาดตลาด โดยเฉพาะฮาร์ดดิสต์ ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของคอมพิวเตอร์ ซึ่งน่าจะเข้าสู่สภาพปกติประมาณสิ้นไตรมาสที่ 1/55
2. คือการเติบโตของสินค้าประเภทสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต ที่มีการแข่งขันกันสูงมากในปัจจุบัน ทำให้ความต้องการเครื่องคอมพิวเตอร์และโน้ตบุ๊กน้อยลงไปบ้าง ส่วนทิศทางตลาดไอทีโดยภาพรวมนั้น ขึ้นอยู่กับวางสินค้าประเภทสมาร์ทโฟนและแทบเล็ตจะอยู่ในส่วนของไอที หรือโมบายโฟน หากอยู่ในส่วนของตลาดไอที น่าจะทำให้สามารถเติบโตได้อีก 20% แต่ถ้าหากนำสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต อยู่ในกลุ่มโมบายโฟน ตลาดไอทีในปีหน้าก็จะไม่เติบโตเลย
3. นโยบายของภาครัฐ เช่นการที่จะแจกแท็บเล็ตโรงเรียน จะทำให้ผู้บริโภครอดูสถานการณ์และยังไม่ตัดสินใจที่จะซื้อ เพื่อจะรอได้แท็บเล็ตฟรี เพราะฉะนั้นสิ่งเหล่านี้จะส่งผลกับตลาดโดยรวมในปีหน้า
ขณะที่ทิศทางของตลาดไอทีในไตรมาส 1/55 ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์หลาย ๆ แบรนด์จะเน้นเครื่องคอมพิวเตอร์พีซีระดับไฮเอ็นด์มากขึ้น รวมถึงผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ยังคงมุ่งผลิตเครื่องโน้ตบุ๊กราคาสูงเป็นหลัก ส่วนในไตรมาสที่ 2/55 และ 3/55 จะมีสินค้าไอทีคุณภาพปานกลาง และราคาไม่สูงมากนัก เริ่มกลับเข้าสู่ตลาดมากขึ้น โดยผู้ผลิตฮาร์ดดิสต์และมอเตอร์ จะเริ่มผลิตตามไลน์การทำงานได้อย่างปกติ แต่ทั้งนี้สินค้าไอทีจะมีราคาสูงมากขึ้น