โบรกเกอร์เห็นพ้องแนะ"ซื้อ"หุ้นบมจ.โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์(BH)เนื่องจากเป็นหุ้นเด่นในกลุ่มโรงพยาบาลที่การเติบโตแต่ละปีสูงกว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ และ BH เป็นหุ้น Denfensive จากปัจจัยพื้นฐานดี มีชื่อเสียง มีการเติบโตอย่างมั่นคง อัตรากำไรดีมาจากการให้บริการรักษาโรคซับซ้อน-เฉพาะทาง
สำหรับลูกค้าต่างประเทศส่วนใหญ่เป็นกลุ่มตะวันออกกลาง ซึ่งจะได้รับผลกระทบจากคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวไม่มาก และเป็นกลุ่มลูกค้าที่ให้อัตรากำไรสูง สัดส่วนรายได้คิดเป็น 14-15% ของรายได้รวม
ในปีหน้า BH ยังได้รับประโยชน์เต็มที่จากการลดภาษีเงินได้นิติบุคคลเหลือ 23% จาก 30% อีกทั้งปีหน้ามีแผนจะเปิดพื้นที่ให้บริการผู้ป่วยเพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นการย้าย Back office ไปอยู่ที่ใหม่ รวมทั้งเพิ่ม ICU Bed อีก 28 เตียง ซึ่งจะช่วยสนับสนุนรายได้ของ BH ให้เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ สิ่งที่เป็นผลดีต่อราคาหุ้น BH คือหุ้นกู้แปลงสภาพจำนวน 137.36 ล้านหุ้น ซึ่งเดิมจะต้องมีการแปลงสภาพในเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา แต่มีการยืดอายุออกไปอีก 5 ปี ทำให้ไม่เกิด dilution กับกำไรต่อหุ้นของ BH และยังส่งผลดีต่อราคาหุ้น อีกด้วย
พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปี 55 ไว้ในช่วง 1,719-1,900 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 54 คาดว่าจะมีกำไรสุทธิอยู่ในช่วง 1,579-1,609 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 53 ที่มีกำไรสุทธิ 1,258 ล้านบาท
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น) บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย) ซื้อ 59.00 บล.บัวหลวง ซื้อเก็งกำไร 58.00 บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ซื้อ 51.00 บล.ฟินันเซีย ไซรัส ซื้อ 50.00 บล.กสิกรไทย ซื้อ 50.00 บล.เอเชีย พลัส ซื้อ 50.00 บล.ทรีนีตี้ ซื้อ 47.00 บล.เคที ซีมิโก้ ซื้อ 45.00
น.ส.นลิน วิริยะเสถียร นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย)กล่าวว่า BH เป็นหนึ่งในหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลที่ได้มีการแนะนำไว้อยู่แล้ว เนื่องจากการเติบโตของกลุ่มโรงพยาบาลในแต่ละปีจะสูงกว่า GDP ในประเทศ และ BH ก็เป็นหุ้น Denfensive ตัวหนึ่งที่น่าสนใจลงทุน เพราะปัจจัยพื้นฐานดี เป็นบริษัทฯที่มีชื่อเสียงดีเด่น และแต่ละปีก็มีการเติบโตอย่างมั่นคง จากลูกค้าที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง กำไรของ BH จะมาจากมาร์จินที่ดีที่ได้รับจากการให้การรักษาโรคที่ซับซ้อน
อย่างลูกค้าต่างประเทศที่ส่วนใหญ่จะมาจากกลุ่ม Middle East กลุ่มนี้จะให้มาร์จินสูง รายได้คิดเป็น 14-15% ของรายได้รวม แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจโลกจะมีการชะลอตัว แต่ BH ก็จะได้รับผลกระทบจากตรงนี้น้อย
นอกจากนี้ ในปีหน้า BH ยังได้รับประโยชน์เต็ม ๆ จากการลดภาษีนิติบุคคลเหลือ 23% จากเดิม 30% อีกทั้งในปีหน้า BH มีแผนจะเปิดให้บริการผู้ป่วยอีก 5 ชั้น คือชั้นที่ 18-22 ซึ่งจะสามารถรองรับผู้ป่วยได้มากขึ้นจาก 3,960 คน/วัน เพิ่มขึ้นเป็น 5,520 คน/วัน ทำให้รายได้ของ BH เพิ่มขึ้นด้วย รวมทั้งจะเพิ่ม ICU Bed อีก 28 เตียงแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ และรายได้จะทยอยเข้าในปีหน้า
พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปีหน้าไว้ที่ 1,790 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีนี้ที่คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 1,579 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 53 ที่มีกำไรสุทธิ 1,258 ล้านบาท
ส่วน น.ส.รัศดา ทวีแสงสกุลไทย ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย)ให้เหตุผลว่า BH เป็นหุ้นโรงพยาบาลที่มีการเติบโตดีอย่างต่อเนื่อง โดยมีแผนจะย้ายส่วนของ Back office ออกไปอยู่ข้างนอกโรงพยาบาลอีกที่หนึ่ง แล้วส่วนที่เป็น Back office เดิมก็จะถูกจัดเป็นพื้นที่ให้บริการผู้ป่วยเพิ่มขึ้นได้ อีกทั้งยังมีแผนที่จะเปิดพื้นที่เพิ่มอีกในส่วนของตึกด้านหน้า ซึ่งจะเป็นลักษณะของการทยอยลงทุน สิ่งเหล่านี้ทำให้เป็นตัวช่วยหนุนในด้านรายได้ของ BH
อีกทั้งปีหน้า BH ยังได้รับประโยชน์จากการลดภาษีนิติบุคคลให้เหลือ 23% จากเดิม 30% อีกด้วย รวมทั้งสิ่งที่จะเป็นผลดีต่อราคาหุ้น BH คือหุ้นกู้แปลงสภาพจำนวน 137.36 ล้านหุ้ เดิมจะต้องมีการแปลงสภาพในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา แต่มีการยืดอายุออกไปอีก 5 ปี ส่งผลดีทำให้ไม่เกิด dilution กับกำไรต่อหุ้นของ BH และยังส่งผลดีต่อราคาหุ้น BH อีกด้วย
พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปีหน้าไว้ที่ 1,719 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีนี้คาดว่ากำไรสุทธิจะอยู่ที่ 1,606 ล้านบาท
ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเชีย พลัส กล่าวว่า BH จัดเป็นหุ้นที่มีพื้นฐานดีมาก แม้ว่าไตรมาส 4/54 จะได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วมที่เกิดขึ้น จากที่ผู้ป่วยต่างชาติไม่มากทำการรักษาหรือชะลอการรักษาออกไปก่อน ผู้ป่วยต่างชาติคิดเป็นรายได้ประมาณ 60% ของรายได้ทั้งหมดของ BH แต่เชื่อว่าทุกอย่างจะกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิมในไตรมาส 1/55
ทั้งนี้ มองว่าปีหน้า BH จะยังมีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้น และยังได้ผลบวกจากภาษีนิติบุคคลที่ลดลงเหลือ 23% จากเดิม 30% อีกทั้งยังมีการปรับค่ายาและค่าบริการเพิ่มขึ้นด้วย รวมทั้งจากที่เดี๋ยวนี้คนจะดูแลสุขภาพกันมากขึ้น ทำให้เมื่อเวลาไปตรวจสุขภาพจึงมักจะมีการตรวจหลายอย่าง ตรงนี้ทำให้ค่าใช้จ่ายของผู้ป่วยต่อครั้งสูงขึ้นด้วย
นอกจากนี้ BH ยังมีแผนจะขยายพื้นที่ให้บริการมากขึ้น โดยเบื้องต้นได้มีการย้ายพวก back office ที่อยู่ที่ใหม่ ซึ่งสถานที่ใหม่ก็อยู่ใกล้กับที่เดิมบนถนนเพชรบุรี ดังนั้น ในอนาคต BH จะมีการเพิ่มจำนวนห้องพักผู้ป่วยในมากขึ้น แต่ในปีหน้า BH มีแผนจะเพิ่มพื้นที่ให้บริการผู้ป่วยนอกก่อน
ดังนั้น จึงคาดการณ์ว่าปีหน้ากำไรสุทธิของ BH จะมีประมาณ 1,900 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% จากปีนี้ที่คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 1,600 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 53 ส่วนอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล(Divident yield)ปี 54-55 คาดว่าจะจ่ายประมาณ 2%