นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ กรรมการผู้อำนวยใหญ่ บมจ. การบินไทย (THAI) เปิดเผยว่า ในปี 55 คาดว่าจะมีอัตราส่วนผู้โดยสาร(Cabin Factor) สูงกว่า 77% ซึ่งสูงกว่าระดับปกติที่มี Cabin Factor อยู่ระดับ 70-80% แม้ว่าระดับราคาน้ำมันในปีหน้ามองว่าจะอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องจากปีนี้ โดยน้ำมันอากาศยานมีระดับราคาที่ 121 เหรียญ/บาร์เรล แต่บริษัทได้ทำประกันความเสี่ยงราคาน้ำมัน(hedging) สำหรับปีหน้าเฉลี่ยที่ 60% ขณะที่ในไตรมาส 4/54 ทำ hedging ถึง 80% ซึ่งจะทำให้ต้นทุนในปีหน้าดีกว่าปี54
"Cabin Factor ปีหน้าต้องสูงกว่าปกติ การบินไทยถึงจะไปรอด แต่ไตรมาสแรกปกติจะมี Cabin Factor 77-80%"นายปิยสวัสดิ์ กล่าว
ในวันนี้คณะกรรมการได้รับทราบ Cabin Factor ในช่วง 11 เดือนแรก เฉลี่ย 70.6% ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 3.9%. โดยในเดือนพฤศจิกายน 54 มี Cabin Factor ที่เฉลี่ย 61% ซึ่งต่ำกว่าปกติอย่างมากในรอบปีแม้จะเป็นฤดูกาลท่องเที่ยว
ส่วนในปี 54 บริษัทคาดว่าจะมีผลประกอบการติดลบเนื่องจากได้รับผลกระทบราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นสูง โดยในช่วง11 เดือนแรก (มกราคม-พฤศจิกายน)ราคาปรับขึ้นไป 40% หรือคิดเป็นเงิน 1.7 หมื่นล้านบาท เป็นปัจจัยสำคัญ รวมทั้งเหตุการณ์น้ำท่วมซ้ำเติมทำให้บริษัทสูญเสียรายได้ 3 ล้านบาท จากจำนวนผู้โดยสารลดลงและยังมีผลกระทบทางอ้อม อีกทั้งยังมีค่าใช้จ่ายช่วยพนักงานที่ประสบภัยน้ำท่วมอีก 1 พันล้านบาท
ทั้งนี้ในวันพรุ่งนี้คณะกรรมการบริษัทจะประชุม workshop เพื่อปรับแผนกลยุทธ์สำหรับปี 55-56 เพื่อรองรับกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป
นายปิยสวัสดิ์ กล่าวถึงการจัดหาเครื่องบินช่วงแรก 30 ลำว่า ได้สั่งซื้อเรียบร้อยและจะรับมอบไปถึงปี 60 โดยใช้เงินกู้ในการชำระเงินค่าเครื่องบินซึ่งไม่มีปัญหาในการกู้ ส่วนการจัดหาเครื่องบินในช่วงที่สองจำนวน 38 ลำ จะต้องมีการพิจารณาและนำเสนอต่อครม.เพื่ออนุมัติ
นอกจากนี้คณะกรรการบริษัทมีมติเห็นชอบให้บริษัทจัดหาเงินทุนระยะยาวด้วยวิธีการออกตราสารหนี้ประเภทหุ้นกู้ภายในประเทศ อายุหุ้นกู้ 5 ปี ในวงเงินประมาณ 2พันล้านบาท โดยดำเนินการขายแบบเฉพาะเจาะจง และ/หรือขายในกรณีจำกัดไม่เกิน 10 รายเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน, ลงทุนในสินทรัพย์ และชำระคืนเงินกู้ของบริษัท ที่มีต้นทุนทางการเงินสูงกว่าและแต่งตั้งธนาคารกสิกรไทยเป็นที่ปรึกษาและผู้จัดการจัดจำหน่าย