TMB ตั้งเป้าสินเชื่อรวมปี55โตกว่า15%จากปีนี้สูงกว่าเป้าหมาย,NPLที่4.4%

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday December 19, 2011 10:10 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย (TMB) เปิดเผยว่า แผนธุรกิจในปี 55 ธนาคาร ตั้งเป้าสินเชื่อรวมเติบโตมากกว่า 15% ซึ่งสูงกว่าระบบที่คาดว่าจะเติบโต 12-13% จากปี 54 ที่คาดว่าสินเชื่อรวมของธนาคารจะ เติบโตประมาณ 15% สูงกว่าระบบที่คาดโต 9% และสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้โตมากกว่า 10% โดยสินเชื่อของธนาคารในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาก็เติบโตแล้ว 15%

ทั้งนี้ในปี 55 ธุรกิจลูกค้าขนาดกลางและย่อม (SME) คาดว่าสินเชื่อจะเติบโตมากกว่า 20% ด้านเงินฝากเติบโต มากกว่า 15% และตั้งเป้าจำนวนลูกค้าใหม่ 6,000 ราย ขณะที่ธุรกิจลูกค้าขนาดใหญ่และลูกค้าบรรษัท (Wholesale) คาดว่าสินเชื่อ จะเติบโตมากกว่า 10% ธุรกรรมการค้างต่างประเทศโตมากกว่า30% และคาดมีลูกค้าใหม่ 600 ราย ด้านธุรกิจลูกค้ารายย่อย (Retail) คาดว่าสินเชื่อไม่มีหลักประกันจะเติบโตมากกว่า 20% เงินฝากโตมากกว่า 15% และมีบัญชีลูกค้าใหม่ 1 ล้านบัญชี

“ปี 55 เป็นปีแห่งการฟื้นฟูหลายอุตสาหกรรมก็ต้องการสินเชื่อ ความผันผวนของเศรษฐกิจยุโรปกับสหรัฐฯก็น่าจะลดลง สินเชื่อเดิมก็ไม่ได้คืน สินเชื่อใหม่ก็ต้องปล่อยเพิ่มขึ้น ทั้งระบบยังโตได้ 12-13% ขณะที่เศรษฐกิจไทยคาดว่าจะโต 3-4% ซึ่งโดยปกติ แล้ว สินเชื่อก็จะโตเป็น 2 เท่าของจีดีพี ส่วนสินเชื่อเราที่โตเกินระบบก็เพราะตอนนี้เราเป็นเหมือนเด็กกำลังโต โดยสินเชื่อที่คาดว่า จะโตอย่างโดดเด่นก็เป็น SME กับ Wholesale”นายบุญทักษ์ กล่าว

โดยปัจจุบันสัดส่วนสินเชื่อของธนาคารแบ่งเป็นสินเชื่อเอสเอ็มอีประมาณ 30% สินเชื่อลูกค้าขนาดใหญ่และลูกค้าบรรษัท ประมาณ 50%และสินเชื่อลูกค้ารายย่อยประมาณ 20% ซึ่งในปีหน้าตั้งเป้าว่าสินเชื่อทั้ง 3 ธุรกิจจะมีสัดส่วนที่ใกล้เคียงกันมากขึ้น โดย สินเชื่อเอสเอ็มอีน่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 40% ขณะที่สินเชื่อลูกค้าขนาดใหญ่และลูกค้าบรรษัทน่าจะลงมาที่ 30% และสินเชื่อรายย่อยเพิ่มเป็น 30%

นอกจากนี้ประเมินว่าสัดส่วนสินเชื่อระยะยาวเพื่อการฟื้นฟูในปี 55 จะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากผลกระทบของเหตุการณ์น้ำท่วม โดยในส่วนของลูกค้าเอสเอ็มอีคาดว่าความต้องการสินเชื่อระยะยาว 3 ปี 5 ปี หรือ 7 ปี คงเพิ่มสูงขึ้น โดยสินเชื่อเพื่อการฟื้นฟูนั้นก็ คงไม่ได้เน้นว่าจะต้องมีดอกเบี้ยต่ำเสมอไป เนื่องจากลูกค้าคงคำนึงถึงสินเชื่อที่เหมาะสมกับธุรกิจของตัวเองมากกว่า

ขณะที่เงินฝากของธนาคารในปี 55 คาดว่าจะเติบโตมากกว่า 15% สูงกว่าระบบที่น่าจะเติบโต 5-6% ส่วนรายได้ค่า ธรรมเนียมคาดว่าจะโต 20% ขึ้นไปซึ่งเป็นไปตามธุรกรรมทางการเงินที่มากขึ้น แต่ธนาคารไม่ได้เรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากลูกค้า เพิ่มขึ้น

สำหรับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) คาดว่าจะอยู่ที่ 4.4% ลดลงจากสิ้นปี 54 ที่คาดว่าจะอยู่ที่ 5.8% โดย NPL ของธนาคารในปัจจุบันคิดเป็นวงเงินกว่า 2 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ภาพรวมการดำเนินธุรกิจของธนาคารในปี 55 จะยังคงเป็นไปตามแผนธุรกิจ 5 ปี (2553-2557) ซึ่งในปี 55 จะมุ่ง ให้ความสำคัญกับเรื่อง “Transactional Banking” คือการพัฒนาบริการและผลิตภัณฑ์ต่างๆเพื่อให้ลูกค้าสามารถทำธุรกรรมทาง การเงินได้ง่ายขึ้น โดยมีค่าใช้จ่ายที่ลดลง และถ้าลูกค้ามีเงินเหลือก็อยากให้นำเงินมาฝากกับธนาคารซึ่งธนาคารก็จะมีข้อเสนอต่างๆที่ ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากขึ้น

นอกจากนี้ จะมีการปรับปรุงสาขาและย้ายสาขารวมทั้งตู้เอทีเอ็มไปไว้ในทำเลที่สร้างความสะดวกสบายให้กับลูกค้า มี การเพิ่มเครื่องฝากเงินอีก 140 เครื่องตามสถานที่ต่างๆ การพัฒนาระบบ Internet Banking และ Mobile Banking รวมทั้ง ระบบCall Center และจากแผนการดำเนินธุรกิจในระยะ 5 ปี ธนาคารคาดว่าในปี 57 ROE จะอยู่ที่ 14%, ROA ที่ 1% และ NIM อยู่ที่ 2.8-2.9%

นายบุญทักษ์ กล่าวถึงกระแสเรื่องที่มีนักลงทุนหลายรายแสดงความสนใจที่จะซื้อหุ้นของธนาคาร ที่กระทรวงการคลังถือ อยู่ 26.11% ว่าการที่ธนาคารเป็นบริษัทมหาชนซึ่งจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ดังนั้นการที่ผู้ถือหุ้นจะ เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาถือเป็นเรื่องปกติ แต่ขณะนี้ฐานะทางการเงินของธนาคารก็มีความแข็งแกร่งมากขึ้นโดยสามารถที่จะดำเนินธุรกิจได้ ด้วยตัวเองอย่างมั่นคง

“ธนาคารก็เป็นบริษัทมหาชน คือเป็นบริษัทที่ผู้ถือหุ้นเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอยู่แล้ว ซึ่งการที่ธนาคารอยู่ได้ก็คือต้องสร้างสิ่งที่มี คุณค่าให้กับผู้ถือหุ้น ลูกค้าและสังคม แต่ TMB ในขณะนี้ถือว่าเข้มแข็งสามารถยืนอยู่ได้ด้วยขาตัวเองอย่างมั่นคง เพราะดูได้จากผลตอบ แทนเราตอนนี้ก็ดีขึ้น มีการจ่ายปันผลและยังเป็นธนาคารไทยธนาคารแรกที่จ่ายโบนัสให้พนักงานเป็นหุ้น ก็ขอยืนยันว่าเราอยู่ในระดับที่ เข็มแข็งอยู่ได้ด้วยตัวเอง”นายบุญทักษ์ กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ