(เพิ่มเติม) "โฆสิต" ตั้งเป้าสินเชื่อรวมปี 55 โต 6-8% ใกล้เคียงปีนี้ ศก.เสี่ยงขึ้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday December 19, 2011 11:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ (BBL) ตั้งเป้าสินเชื่อปี 55 เติบโต 6-8% ใกล้เคียงปีนี้ โดยมองว่า จีดีพีปี 55 จะเติบโต 4-5% ธนาคารจะเน้นใกล้ชิดลูกค้า และหาความรู้เพิ่มเติม ให้ธนาคารและลูกค้า

"แผนสินเชื่อปีหน้าที่จริงยังไม่จบ เพราะปีหน้าเป็นปีที่ยาก ยังไม่สามารถฟันธงเรื่องใดเรื่องหนึ่งได้ แต่ถ้าจีดีพีโตได้ 4-5%ตามที่นักวิชาการหลายท่านบอก เราก็น่าจะโตได้ 6-8%"ประธานกรรมการบริหาร BBL กล่าว ทั้งนี้ นายโฆสิต กล่าวในงานเสวนา"ทิศทางกับการฟื้นฟู...เศรษฐกิจไทยในปี 55" ว่า การฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยหลังวิกฤตอุทกภัย มองว่าในปี 55 จะมี 2 ปัจจัยหลักที่จะมีอิทธิพลต่อการเติบโตเศรษฐกิจไทยในปีหน้า คือผลกระทบจากเหตุการณ์อุทกภัย ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับทรัพย์สินและส่งผลต่อรายได้ของประชาชน ประกอบกับมีรายจ่ายเพิ่มขึ้น ดังนั้น มองว่าน่าจะกระทบต่อจีดีพีในปี 54 จะหายไปส่วนหนึ่ง โดยเฉพาะในไตรมาส 4/54 และจะต่อเนื่องไปถึงไตรมาส 1/55 ซึ่งประเมินว่าอัตราการเติบโตเศรษฐกิจจะยังไม่กลับสู่ภาวะปกติ ในกรณีดีที่สุด คาดว่าการเติบโตเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 1/55 จะใกล้เคียงกับไตรมาส 1/54

แต่ส่วนตัวประเมินว่าไตรมาสแรกของปี 55 น่าจะติดลบต่อจากไตรมาส 4/54 ส่วนในไตรมาส 2/55 อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจน่าจะเพิ่มขึ้น คงจะใกล้เคียงกับไตรมาส 2/54 หรือใกล้กับก่อนเหตุการณ์เกิดน้ำท่วม และอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติในไตรมาส 3/55 เป็นต้นไป

"ในปีหน้าภาคเอกชนจะมีการใช้จ่ายมากขึ้น โดยเป็นค่าใช้จ่ายจากเหตุการณ์น้ำท่วม ซึ่งเป็นค่าใข้จ่ายที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออกไป ซึ่งจะเห็นชัดในครึ่งปีแรก ดังนั้นการที่ภาคเอกชนจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจปีหน้าก็ลดลง เหลือเพียงภาครัฐที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ซึ่งในปีหน้าคงต้องพึ่งพาภาครัฐมากขึ้น โดยหากกรอบการฟื้นฟูน้ำท่วมของรัฐบาลถ้าประสบความสำเร็จ ก็จะทำให้จีดีพี ปี 55 เติบโตได้ 4-5% แต่จะโตสูงกว่านี้ในช่วงครึ่งปีหลัง และต่ำกว่านี้ในครึ่งปีแรก" นายโฆสิต กล่าว

นอกจากนี้ การเติบโตจีดีพียังต้องขึ้นกับอัตราดอกเบี้ย ซึ่งยังคาดการณ์ยากว่าในปีหน้าแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยจะเป็นขาขึ้นหรือขาลง เพราะจะมีแรงกดดันจากธนาคารที่มีความต้องการเงินฝากสูงขึ้น เนื่องจากไปปล่อยกู้ให้ภาครัฐ รวมทั้งเรื่องภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งขณะนี้ยังสูงกว่า 4% อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามความคืบหน้าของปัจจัยดังกล่าว อีกทั้งเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนมองว่าปีหน้าก็ยังมีความผันผวนต่อเนื่องจากขณะนี้

นายโฆสิต กล่าวว่า ปัจจัยที่ผลกระทบต่อเศรษฐกิจในปีหน้าอีกประการ คือ ปัจจัยเศรษฐกิจโลก ซึ่งมองว่าน่าจะชะลอตัว โดยเศรษฐกิจโลกอาจมีการปรับฐาน ถือเป็นช่วงเวลาที่มีความไม่แน่นอนสูง และโอกาสที่เศรษฐกิจโลกจะกลับมาสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยก็เป็นไปได้สูง และคงทำให้การค้าในระดับโลกคงลดลงด้วย

"ตอนนี้เรากำลังฝ่าอากาศแปรปรวน ท่านทั้งหลายก็ต้องกรุณารัดเข็มขัด เพราะตอนนี้มีแรงต้านสูงจากหลายๆเรื่อง ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกว้างและลึกกว่าที่เราคิด ดังนั้นถ้าจะทำอะไรก็ต้องคำนึงถึงสองปัจจัย คือผลกระทบจากน้ำท่วม และ ภาวะเศรษฐกิจโลก"นายโฆสิต กล่าว

ทั้งนี้ ยังมี 4 วาระที่จะยังต้องติดตามที่จะมีผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจในปีหน้า ที่ต้องพึ่งพารัฐบาลเป็นผู้กระตุ้นเศรษฐกิจ ดังนั้น รัฐบาล ต้องสามารถบริหารจัดการภาพรวมทั้งเรื่องเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศ ให้มีความสงบกลับสู่ภาวะปกติ ไม่เกิดปัญหาคอร์รัปชั่น หากรัฐบาลทำได้ดีโอกาสจะฟื้นตัวได้เร็วก็มีมาก

รวมทั้งปัญหาแรงงานที่ขาดแคลน และต้นทุนแรงงานที่สูงขึ้น เป็นปัจจัยสำคัญที่อาจจะถูกละเลยหลังเกิดภาวะน้ำท่วม และการขยายพื้นที่ของอุตสาหกรรม เพราะขณะนี้พื้นที่ในเขตล่มแม่น้ำเจ้าพระยาเต็มหมดแล้ว ดังนั้นภาครัฐควรไปหาพื้นที่อื่น เช่น ภาคอีสาน ตามที่นักวิชาการได้เสนอไว้ เช่น พื้นที่จ.นครราชสีมา จ.ขอนแก่น

นอกจากนี้ ไทยต้องให้ความสำคัญกับอาเซียนเพิ่มขึ้น เช่นการเป็นซัพพลายเชนของอาเซียนเพิ่มมากขึ้น โดยมองว่าต้องให้ความสำคัญในด้านการลงทุนด้วยนอกเหนือจากการค้า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ