ภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยประจำสัปดาห์: มีมูลค่าการซื้อขายรวม 257,855 ลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday December 19, 2011 15:45 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ประจำสัปดาห์ (13-16 ธันวาคม 2554) ปริมาณการซื้อขายตราสารหนี้มีมูลค่ารวม 257,855 ล้านบาท หรือเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณวันละ 64,463 ล้านบาท ลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้านี้ประมาณ 15% ทั้งนี้เมื่อแยกตามประเภทของตราสารแล้วจะพบว่ากว่า 93% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด หรือประมาณ 239,134 ล้านบาท เป็นการซื้อขายในตราสารหนี้ที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (State Agency Bond) ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นตราสารที่มีอายุคงเหลือค่อนข้างน้อย (ไม่เกิน 6 เดือน) ในขณะที่พันธบัตรรัฐบาลที่ออกโดยกระทรวงการคลัง (Government Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 14,479 ล้านบาท และหุ้นกู้ที่ออกโดยภาคเอกชน (Corporate Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 2,285 ล้านบาท หรือคิดเป็น 6% และ 1% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตามลำดับ

สำหรับพันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรกคือ รุ่น LB145B (อายุ 2.4 ปี), LB15DA (อายุ 4.0 ปี) และ LB17OA (อายุ 5.8 ปี) มีมูลค่าการซื้อขายในแต่ละรุ่นเท่ากับ 3,158 ล้านบาท 1,959 ล้านบาท และ 1,932 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนพันธบัตรที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย รุ่นที่มีปริมาณการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก คือรุ่น CB12104A (อายุ 14 วัน), CB11D26A (อายุ 14 วัน) และ CB12315B (อายุ 90 วัน) มูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 91,238 ล้านบาท 23,068 ล้านบาท และ 16,257 ล้านบาท ตามลำดับ

ทางด้านหุ้นกู้ภาคเอกชน ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรกนั้น ได้แก่หุ้นกู้ของบริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน) (AYCAL145A (A+)) มูลค่าการซื้อขาย 301 ล้านบาท, หุ้นกู้ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (PTTC153A (AAA)) มูลค่าการซื้อขาย 253 ล้านบาท และหุ้นกู้ของบริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) (MAJOR126A (A-)) มูลค่าการซื้อขาย 201 ล้านบาท ตามลำดับ

เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Yield Curve) ปรับตัวลดลงเล็กน้อยตลอดทั้งเส้น หรือโดยเฉลี่ยแล้วปรับตัวลดลงในช่วงประมาณ -2 ถึง -3 Basis Point (100 Basis point มีค่าเท่ากับ 1%) ทั้งนี้ภาพรวมของการซื้อขายตราสารหนี้ไทยในสัปดาห์ที่ผ่านมายังคงอยู่ในเกณฑ์ที่ดีต่อเนื่องมาจากสัปดาห์ก่อนหน้า โดยได้รับแรงสนับสนุนจากทั้งปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ ที่ต่างก็เริ่มเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่ดีขึ้น เริ่มจากสถานการณ์น้ำท่วมในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครที่เริ่มกลับเข้าสู่สภาวะปกติและมีผลทำให้นักลงทุนเริ่มกลับมามีความมั่นใจในการลงทุนมากขึ้น ในขณะที่วิกฤติหนี้สาธารณะในกลุ่มประเทศยุโรปก็เริ่มส่งสัญญาณว่ากำลังคลายตัวไปทิศทางที่ดีขึ้นเช่นกัน หลังจากประเทศสมาชิกของกลุ่มสหภาพยุโรป (ยกเว้นอังกฤษ) เห็นชอบในการทำสนธิสัญญาเพื่อรักษาวินัยทางการคลังที่เคร่งครัด โดยกำหนดเพดานการขาดดุลงบประมาณที่ 0.5%ของ GDP (จากเพดานปัจจุบันที่ 3%) นอกจากนี้แล้วประเทศรัสเซีย (อยู่นอกกลุ่มสหภาพยุโรป) ยังให้ความยืนยันที่จะมอบเงินช่วยเหลือยุโรปผ่านทางกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เป็นจำนวนไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ ซึ่งปัจจัยต่างๆเหล่านี้ส่งผลทำให้บรรยากาศการลงทุนในประเทศต่างๆทั่วโลกรวมถึงในประเทศไทยกลับมาปรับตัวดีขึ้นอีกครั้งหนึ่ง

แต่ทั้งนี้ ในสัปดาห์ที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติกลับมียอด ขายสุทธิ 9,878 ล้านบาทในตลาดตราสารหนี้ โดยที่มูลค่าการซื้อขายส่วนใหญ่ของนักลงทุนกลุ่มนี้ยังคงเน้นไปในตราสารระยะสั้น (มีอายุคงเหลือน้อยกว่า 1 ปี) เป็นหลัก จึงไม่ได้ส่งผลกดดันต่อภาพรวมของการซื้อขายตราสารหนี้ในตลาดแต่อย่างใด และสำหรับนักลงทุนรายย่อย ที่ถึงแม้จะมีสัดส่วนของการซื้อขายตราสารหนี้ในตลาดค่อนข้างน้อย แต่ในสัปดาห์ที่ผ่านมายังคงมียอดซื้อสุทธิอย่างต่อเนื่องประมาณ 640 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ