สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้มีมูลค่าการซื้อขายรวม 23,102 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดของวัน คือ พันธบัตร ธปท. มีมูลค่าการซื้อขาย 18,863 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 82% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้
สำหรับประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายเป็นลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่า 1,535 ล้านบาท โดยพันธบัตรรัฐบาลรุ่นอายุคงเหลือประมาณ 4 ปีและ 8 ปี (LB155A LB15DA และ LB193A) เป็นที่นิยมซื้อขายสูงสุด โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 871 ล้านบาท หรือคิดเป็น 57% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายรวม 86 ล้านบาท โดยหุ้นกู้ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก คือ หุ้นกู้ของ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (TRUE144B , TRUE13NA) และหุ้นกู้ของธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (SCB185A) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 76 ล้านบาท หรือคิดเป็น 88% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมด
นักลงทุนกลุ่มกองทุนมีสถานะซื้อสุทธิ 8,348 ล้าน นักลงทุนกลุ่มสถาบันการเงินที่ไม่มีใบอนุญาตค้าตราสารหนี้มีสถานะซื้อสุทธิ 5,693 ล้านบาท และกลุ่มของนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะขายสุทธิ 224 ล้านบาท
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Yield) ค่อนข้างคงที่ ต่อเนื่องจากช่วงปลายสัปดาห์ก่อน โดยมีการปรับตัวเพิ่ม / ลดอยู่ในช่วงแคบๆประมาณ 1 — 2 Basis Point ทั้งนี้นักลงทุนสถาบันในประเทศเข้ามาซื้อตราสารระยะสั้นอายุ 1 - 6 เดือนเป็นหลัก ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติมีแรงขายออกมาต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อนหน้า โดยปัจจัยหลักที่กระทบตลาดตราสารหนี้ยังคงเป็นเรื่องวิกฤตหนี้สาธารณะในกลุ่มประเทศยุโรป และเนื่องจากเป็นช่วงใกล้สิ้นปี นักลงทุนน่าจะชะลอการซื้อขาย จึงส่งผลให้มูลค่าการซื้อขายตราสารหนี้ในช่วงนี้ค่อนข้างเบาบาง
ทั้งนี้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุคงเหลือ 3 เดือน ปิดที่ 3.15% ปรับตัวลดลง 0.01% และอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุคงเหลือ 5 ปี ปิดคที่ 3.07% ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.01% จากวันทำการก่อนหน้า