หุ้น PYLON พุ่ง 5.56% มาอยู่ที่ 3.80 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท มูลค่าซื้อขาย 13.68 ล้านบาท เมื่อเวลา 11.33 น.โดยเปิดตลาดที่ 3.64 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 3.80 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 3.64 บาท
เช้านี้ บมจ.ไพลอน(PYLON)เผยได้งานก่อสร้างโครงการเพิ่มเติม 1 โครงการ รวมเป็นจำนวนเงิน 143.70 ล้าน บาท(รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)โครงการ AIA-CMC เป็นงานเสาเข็มเจาะสำหรับงานอาคาร
ขณะที่นายบดินทร์ แสงอารยะกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ PYLON เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า ราคาหุ้น PYLON ที่ปรับตัวขึ้นแรงในการซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ น่าจะเป็นเพราะนักลงทุนเข้ามาเล่นเก็งกำไรหลังบริษัทได้รับงานใหม่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยในเดือนนี้ได้รับงานใหม่แล้ว 10 งาน หลังจากล่าสุดได้งานเพิ่มเข้ามาอีก 1 โครงการ
“ที่หุ้นขึ้นวันนี้ส่วนหนึ่งก็คาดว่านักลงทุนน่าจะเห็นเราประกาศข่าวดีติดๆกัน เดือนนี้ก็เป็นงานที่ 10 แล้ว ก่อนหน้านี้ช่วงน้ำท่วมก็ซึมๆไปหน่อย เพราะลูกค้าก็คงไม่มีกะจิตกะใจที่จะอยากเปิดโครงการใหม่ แต่ตอนนี้ก็เริ่มกลับมาแล้ว ก็น่าจะได้งานใหม่ๆเข้ามาอีก จริงๆช่วงนี้ก็มีสรุปงานอยู่ แต่งานยังไม่ใหญ่ก็รอสะสมอยู่ แต่ก็ตกลงด้วยวาจากันเรียบร้อยแล้ว"นายบดินทร์ กล่าว
งานใหม่ที่บริษัทได้รับอย่างต่อเนื่องหนุนให้ปริมาณงานในมือ(backlog)เพิ่มเป็น 1 พันล้านบาท ซึ่งจะรับรู้เป็นรายได้ในไตรมาส 4/54 ประมาณ 20% อีก 60-70% จะรับรู้ในปี 55 และส่วนที่เหลือจะรับรู้ในปี 56 นอกจากนั้น บริษัทยังอยู่ระหว่างการยื่นประมูลงานใหม่มูลค่ารวมกว่า 700-800 ล้านบาท คาดหวังจะได้งานราว 25-30% ซึ่งจะทราบผลประมูลในช่วงไตรมาส 1/55
นายบดินทร์ ยอมรับว่ารายได้ปี 54 อาจจะออกมาต่ำกว่าเป้าที่ 1 พันล้านบาทเล็กน้อย เนื่องจากผลกระทบน้ำท่วมฉุดผลประกอบการในไตรมาส 4/54 ให้ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ภาพรวมทั้งปียังมีกำไร ขณะที่ประเมินว่ารายได้ปี 55 จะสูงกว่าปี 54 เป็นไปตามภาพรวมอุตสาหกรรมก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะการเริ่มก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าถึง 3 สาย
“ไตรมาส 4 ทุกปีจะเป็นช่วง peak แต่ปีนี้คงลดลงดเพราะว่าน้ำท่วมทำให้ทำงานไม่ได้ คอนกรีตก็จัดส่งไม่ได้ ทำให้งานล่าช้าออกไป แต่ตอนนี้ก็เริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ อย่างเช่นงานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินก็ทยอยกลับมาทำงานแล้ว ส่วนสายสีแดงกับสีเขียวก็น่าจะเซ็นสัญญาได้ช่วงต้นปีและเริ่มก่อสร้างช่วงกลางปี ซึ่งเมื่อรวมกับสายสีน้ำเงินที่ทำอยู่คงทำให้ช่วงครึ่งปีหลังปีหน้ามีรถไฟฟ้าพร้อมพร้อมกันถึง 3 สาย ก็ไม่รู้ว่าจะเอาเครื่องจักรที่ไหนมาทำพร้อมกันได้ คือดีมานด์ในตลาดเสาเข็มจะเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่ซัพพลายในตลาดค่อนข้างจำกัด เราก็มองว่าครึ่งหลังปีหน้าจะเป็นช่วงที่ peak มากของธุรกิจ"นายบดินทร์ กล่าว