(เพิ่มเติม) ฟิทช์ปรับลดอันดับเครดิตของ DTAC ลงสู่ BBB- แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday December 20, 2011 17:10 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศลดอันดับเครดิตสากลระยะยาวสกุลเงินต่างประเทศและในประเทศ (IDR) ของบมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) ลงสู่ระดับ 'BBB-' จากระดับ 'BBB' แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ

การปรับลดอันดับเครดิตเป็นผลมาจากการที่ DTAC ได้ประกาศจ่ายเงินปันผลพิเศษ ซึ่งคาดว่าจะทำให้อัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกระแสเงินสดจากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงทรัพย์สินและหนี้สินดำเนินงาน (FFO-adjusted net leverage) ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงกว่า 1.5 เท่า ซึ่งเป็นระดับอ้างอิงของฟิทช์ในการพิจารณาปรับลดอันดับเครดิตของบริษัท

เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2554 DTAC ได้ประกาศจ่ายเงินปันผลพิเศษจำนวน 38.9 พันล้านบาท ซึ่งจะจ่ายในวันที่ 12 มกราคม 2555 การจ่ายเงินปันผลดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงที่บริษัทอาจต้องมีการลงทุนในโครงข่าย 3G ในช่วง 3 ปีข้างหน้า ถึงแม้ฟิทช์คาดว่าบริษัทจะยังคงมีผลประกอบการที่แข่งแกร่งอย่างต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า การจ่ายเงินปันพิเศษที่สูงและค่าใช้จ่ายสำหรับค่าธรรมเนียมของใบอนุญาต 3G ที่สูง อาจทำให้อัตราส่วน FFO-adjusted net leverage ของบริษัทเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ระดับประมาณ 1.7 เท่า ณ สิ้นปี 2555 จากสถานะเงินสดสุทธิ (เงินสดมากกว่าหนี้สิน) ณ สิ้นไตรมาส 3 ของปี 2554 นอกจากนี้การลงทุนก่อสร้างโครงข่าย 3G ที่สูงในช่วงปี 2556-2558 อาจทำให้อัตราส่วน FFO-adjusted net leverage ของบริษัทคงอยู่ที่ระดับประมาณ 2.0 เท่า ในช่วงดังกล่าว

อันดับเครดิตของ DTAC สะท้อนถึงสถานะทางการตลาดของบริษัทที่แข็งแกร่ง โดยบริษัทเป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่รายใหญ่อันดับสองของประเทศ ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาด 30% ณ สิ้นไตรมาส 3 ของปี 2554 ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา DTAC ได้ลงทุนขยายโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศมากขึ้น และสามารถรักษาส่วนแบ่งทางการตลาด ถึงแม้จะมีการแข่งขันที่รุนแรง

อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงความสามารถของบริษัทในการสร้างกำไรและกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง โดยการขยายตัวของรายได้จากบริการที่ไม่ใช่เสียง (non-voice service revenue) น่าจะช่วยลดผลกระทบจากการเติบโตที่ลดลงของรายได้จากบริการแบบเสียง และส่งผลให้รายได้ของบริษัทเติบโตที่ประมาณ 5% ต่อปี ในช่วง 3 ปีข้างหน้า ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2554 รายได้และกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อม ค่าตัดจำหน่ายและค่าเช่า (EBITDAR) ของบริษัทเพิ่มขึ้น 10.8% และ 13.2% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้านี้ ในขณะที่กระแสเงินสดจากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงทรัพย์สินและหนี้สินดำเนินงาน (Funds from operation) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 16.7 พันล้านบาท จาก 15.3 พันล้านบาท

ตามหลักเกณฑ์การจัดอันดับเครดิตของฟิทช์ในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทแม่กับบริษัทลูก (Parent and Subsidiary Rating Linkage Methodology) ฟิทช์จัดอันดับเครดิตของ DTAC โดยเริ่มจากการพิจารณาเครดิตของ DTAC โดยลำพัง (Standalone Rating) แล้วจึงพิจารณาถึงปัจจัยเสริมจากความสัมพันธ์ดังกล่าว (Bottom-up Approach) โดยฟิทช์ได้ให้อันดับเครดิต DTAC เพิ่มขึ้นหนึ่งอันดับจากอันดับเครดิต Standalone ของบริษัทเพื่อสะท้อนถึงการสนับสนุนทางด้านการดำเนินงานและด้านกลยุทธ์จากบริษัทแม่ Telenor ซึ่งถือหุ้นใน DTAC ทั้งทางตรงและทางอ้อมที่ 65.5% และมีอำนาจควบคุมคณะกรรมการและผู้บริหารของ DTAC ดังนั้นหากมีการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนการถือหุ้นของ Telenor ใน DTAC ฟิทช์จะทำการพิจารณาความสัมพันธ์และการสนับสนุนดังกล่าวจาก Telenor ใหม่อีกครั้ง

อันดับเครดิตของ DTAC ได้พิจารณารวมถึงความไม่แน่นอนทางด้านนโยบาย กฎหมาย และกฎระเบียบของกิจการโทรคมนาคม ซึ่งรวมถึงการสอบสวนการแก้ไขสัญญาสัมปทานโทรศัพท์เคลื่อนที่ และการปรับปรุงกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการจำกัดการถือหุ้นของชาวต่างชาติให้เข้มงวดขึ้น นอกจากนี้การแข่งขันด้านค่าบริการที่เพิ่มขึ้นในตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่อาจส่งผลกระทบต่ออัตราส่วนกำไรของบริษัทได้

หากประเด็นด้านกฎหมายและกฎระเบียบมีผลสรุปและมีแนวทางแก้ไขที่ไม่ส่งผลกระทบในแง่ลบต่อบริษัท หรือบริษัทมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของรายได้จากการให้บริการที่ไม่ใช่เสียง (Non-voice Revenue) และ EBITDAR margin ซึ่งส่งผลให้อัตราส่วน FFO adjusted net leverage ลดลงต่ำกว่า 1.5 เท่า อย่างต่อเนื่อง น่าจะเป็นปัจจัยบวกต่ออันดับเครดิตของบริษัท ในทางตรงกันข้ามการลงทุนที่สูงกว่าที่คาดไว้ และ/หรือ การจ่ายเงินปันผลที่สูงซึ่งส่งผลให้ FFO adjusted net leverage สูงกว่า 2.5 เท่า อย่างต่อเนื่อง หรือ มีการเปลี่ยนแปลงทางด้านกฎระเบียบของกิจการโทรคมนาคมที่ส่งผลในแง่ลบต่อบริษัท รวมถึงความสัมพันธ์ทางด้านการดำเนินงานและด้านกลยุทธ์กับบริษัทแม่ที่ลดลง อาจส่งผลกระทบในแง่ลบต่ออันดับเครดิตของบริษัทได้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ