ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าพุ่งขึ้น 125 จุด หรือ 1.1% แตะที่ 11,828 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ล่วงหน้าทะยานขึ้น 1.4% แตะที่ 1,215.30 จุด ณ เวลา 08.48 น.ตามเวลานิวยอร์กในวันนี้ หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขสร้างบ้านที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 ปี ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะสามารถรอดพ้นจากภาวะถดถอยได้
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านของสหรัฐในเดือนพ.ย.พุ่งขึ้น 9.3% แตะระดับ 685,000 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 1 ปีครึ่ง และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ 635,000 ยูนิต ขณะที่ตัวเลขการอนุญาตก่อสร้างบ้านเดือนพ.ย.พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2553
ข้อมูลการสร้างบ้านที่แข็งแกร่งเกินคาดสะท้อนให้เห็นว่า ตลาดที่อยู่อาศัยกำลังฟื้นตัวขึ้น หลังจากที่ถูกกระทบอย่างหนักจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว นอกจากนี้ การฟื้นตัวของตลาดที่อยู่อาศัยยังทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่าจะช่วยหนุนเศรษฐกิจสหรัฐให้รอดพ้นจากภาวะถดถอยด้วย
หุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้นในวันนี้ หลังจากที่ร่วงลงอย่างหนักเมื่อวาน อันเนื่องมาจากรายงานของหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะกดดันให้ธนาคารพาณิชย์ของสหรัฐสำรองเงินทุนมากกว่าที่กฎหมายกำหนด โดยหุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ และหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ดีดตัวขึ้นราว 2.3%
หุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวขึ้นเพราะได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยหุ้นอัลโค อิงค์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตแร่อลูมินัมรายใหญ่สุดของสหรัฐ พุ่งขึ้น 1.3% หุ้นชลัมเบอร์เกอร์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการบ่อน้ำมันรายใหญ่ ดีดตัวขึ้น 1.9%
นักลงทุนจับตาดูการประมาณการตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 3 ครั้งสุดท้ายของสหรัฐในวันพฤหัสบดีนี้เวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า จีดีพีไตรมาส 3 จะขยายตัว 2.0% ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากตัวเลขประมาณการครั้งก่อน
ส่วนในวันพรุ่งนี้เวลา 22.00 น.ตามเวลาไทย สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติจะเปิดเผยยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ย.ของสหรัฐ ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า ยอดขายบ้านมือสองจะอยู่ที่ 5.05 ล้านยูนิตในเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้นจากระดับ 4.97 ล้านยูนิตของเดือนต.ค.